ยูนิเซฟระดม “สาวกไลน์”!วิ่งแก้ “เด็กไทยเหลื่อมล้ำ”
ผลสำรวจเกี่ยวกับ “เด็กไทย” ของยูนิเซฟครั้งล่าสุด สร้างความผิดหวังเศร้าสร้อยให้แก่กลุ่มคนโลกสวย ผู้เคยเชื่อมั่นว่า “ไทย” กำลังก้าวเข้าสู่สังคมของประเทศพัฒนาแล้ว เด็กทุกคนเติบโตมาแบบสุขสมบูรณ์ด้วยการเลี้ยงดูอย่างถูกต้องเหมาะสม พร้อมเป็นอนาคตของชาติไทยแลนด์ 4.0...
หลายคนอาจคิดว่าเด็กไทยสมัยนี้มีชีวิตความเป็นอยู่แสนสบาย มีการศึกษา ไปโรงเรียนฟรี มีอาหารดีๆ มีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มีสมาร์ทโฟน มีห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ฯลฯ ครอบครัวมีลูกน้อยลง ทำให้เด็กแต่ละคนได้รับการเอาใจใส่ดูแลมากขึ้นกว่าเดิม
แต่หลังจากรัฐบาลไทย ร่วมกับยูนิเซฟ จัดระบบติดตามเก็บข้อมูลความก้าวหน้าของเด็กที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยด้านต่างๆ ในชื่อ “โครงการสำรวจพหุดัชนีแบบจัดกลุ่ม” (Multiple Indicators Cluster Survey: MICS)
ทำให้พบว่า เด็กๆ มี “ความล้าหลัง เหลื่อมล้ำและไม่เท่าเทียมกัน” อย่างน้อย 5 ด้าน โดยเฉพาะเด็ก 3 กลุ่มคือ 1.เด็กที่ผู้ปกครองไม่ได้เรียนหนังสือ 2.เด็กในครอบครัวยากจน และ 3.เด็กที่ครอบครัวไม่พูดภาษาไทย...
ด้านที่ 1 “สุขภาพและโภชนาการ” ผลสำรวจพบเด็กเล็กอายุไม่ถึง 5 ขวบ ร้อยละ 10.5 มีร่างกายเตี้ยแคระแกร็น เพราะขาดโภชนาการที่เหมาะสมต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน จนส่งผลกระทบต่อการพัฒนาสมองของเด็ก และเด็กร้อยละ 8 กลายเป็นเด็กอ้วน เสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ ในอนาคต
ด้านที่ 2 “การมีพัฒนาการของเด็ก” เด็กไทยไม่อ่านหนังสือหรือไม่ได้รับการส่งเสริมให้รักการอ่าน จนส่งผลต่อพัฒนาการการเรียนรู้ด้านต่างๆ สถิติระบุว่าเด็กเล็กต่ำกว่า 5 ขวบ จำนวนถึงร้อยละ 59 ไม่มีหนังสือเด็กอยู่ในบ้าน ยิ่งไปกว่านั้น “คุณพ่อ” ผู้เป็นหัวใจหลักช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อย กลายเป็นคุณพ่อจอมเหินห่าง ไม่มีเวลาเล่น สอนการบ้าน หรือทำกิจกรรมอื่นๆ กับลูก
ด้านที่ 3 “การศึกษา” หากเปิดดูแค่ตัวเลขสถิติอัตราการเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษา พบสูงถึงร้อยละ 95 แต่เมื่อจบประถมแล้วมีเด็กถึงร้อยละ 14 หรือประมาณ 7 แสนคนที่ไม่ได้สมัครเข้าเรียนต่อระดับมัธยม โดยเฉพาะกลุ่มที่พ่อแม่ไม่ได้พูดภาษาไทย พุ่งเป็นร้อยละ 34 ยิ่งเด็กเรียนระดับมัธยมน้อยเท่าไร แสดงให้เห็นว่าเด็กเหล่านี้ในอนาคตจะเติบโตไปแบบมีการศึกษาไม่เท่าเทียมกับเด็กอื่น
ด้านที่ 4 “การมีบุตรของวัยรุ่น” ปัญหาแม่วัยใสเกิดขึ้นมาต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปี ตัวเลขวัยรุ่นไทยอายุ 15-19 ปี ตั้งครรภ์หรือเป็น วัยรุ่นท้องไม่พร้อม ประมาณ 60 คนต่อ 1,000 คน นับว่าสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น พม่า 22 บรูไน 17 มาเลเซีย 13 ฯลฯ ถ้าแยกเป็นระดับนักเรียนประถมศึกษาพบ 104 คนต่อ 1,000 คน ถ้ามีกลุ่มที่จบมัธยมศึกษาพบ 3 คนต่อ 1,000 คน ผลการศึกษาของยูนิเซฟระบุว่า แม้โรงเรียนส่วนใหญ่สอนวิชาเพศศึกษา แต่พบว่า นักเรียนยังขาดทักษะที่จำเป็นในการจัดการเรื่องเพศวิถีและชีวิตทางเพศของตนเอง เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการสื่อสาร การปฏิเสธ และการต่อรอง ฯลฯ
ด้านที่ 5 “ความรุนแรงต่อเด็ก” ผลการสำรวจพบเด็กอายุ 1-14 ปี ร้อยละ 75 เคยถูกอบรมหรือลงโทษด้วยวิธีการทำรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายหรือด้านจิตใจ โดยผู้ปกครองเกือบครึ่งเชื่อว่า “การลงโทษทางร่างกายเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างวินัยให้แก่เด็ก” ทั้งที่งานศึกษาวิจัยหลายชิ้นยืนยันตรงกันว่า การใช้ความรุนแรงส่งผลร้ายต่อเด็ก ไม่ได้ทำให้สร้างวินัยได้จริง เด็กที่เคยโดนกระทำด้วยความรุนแรงจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจนเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่นับถือตนเอง เกิดความเครียดกลายเป็นโรคซึมเศร้า
หลายฝ่ายพยายามช่วยกันคิดวิธีแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันในเด็กทั้ง 5 ด้าน โดยเฉพาะการชักชวนให้คนไทยทั้งประเทศเข้ามารับรู้ และมีส่วนร่วมในเสนอวิธีหยุดยั้งไม่ให้เด็กๆ ผู้เป็นอนาคตเติบโตไปตามยถากรรมแบบที่ผ่านมา
หนึ่งในโครงการที่ “ยูนิเซฟ” กำลังทำคือ "โครงการ#โอกาสที่เท่าเทียมหรือ#FightUnfair" มีการชักชวนคนในโลกของสื่อสังคมออนไลน์มาวิ่งการกุศล UNICEF LINE Run ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ที่สวนหลวง ร.9 โดยความร่วมมือของโปรแกรม "ไลน์” เพื่อรณรงค์ให้เกิดความตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำของเด็กในประเทศไทย โดย “ดอน กอสลิ่ง” หัวหน้าฝ่ายระดมทุน องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวอธิบายว่า
“กิจกรรมครั้งนี้อยากให้เป็นงานวิ่งการกุศลครั้งใหญ่ ถือเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างยูนิเซฟกับ ”ไลน์“(LINE)ประเทศไทย พวกเราอยากตอกย้ำให้สังคมตระหนักถึงปัญหานี้ และเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงพลัง นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยระดมทุนให้ยูนิเซฟในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กทุกคนที่ขาดโอกาสต่อไปอีกด้วย วิ่งการกุศลครั้งนี้จะมีการใช้คาแรกเตอร์การ์ตูนและตัวอื่นๆ มาร่วมเป็นสีสันด้วย”
“พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา” หัวหน้าฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ “ไลน์” ประเทศไทย เปิดใจกับ “คม ชัด ลึก” ว่าที่ผ่านมายูนิเซฟกับไลน์จับมือเป็นพันธมิตร มีกิจกรรมความร่วมมือระดับโลกหลายครั้งแล้ว เช่น การออกสติกเกอร์หลายชุดช่วยระดมทุนช่วยเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบดิจิทัล แต่สำหรับไลน์ประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกที่จัดกิจกรรมแบบออฟไลน์ร่วมกัน และสถานที่วิ่งการกุศลได้เลือกสวนหลวง ร.9 เพราะเป็นเส้นทางวิ่งที่สวยงามมากของกรุงเทพฯ อยากให้คนไทยและสมาชิกไลน์ได้มีกิจกรรมสนุกๆ กับเพื่อนๆ ครอบครัว และได้ใกล้ชิดกับไลน์คาแรกเตอร์อย่างบราวน์ โคนี่ และเพื่อนๆ เพราะมีทั้งระยะทางให้เลือก 2.5, 5 และ 10.5 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่ชอบวิ่งจริงจัง หรือครอบครัวไหนอยากมาเดินเล่นถ่ายรูปเซลฟี่ก็สนุกสนานไปอีกแบบ ไลน์เตรียมนำเทคโนโลยีไลน์บีคอน (LINE Beacon) มาช่วยให้นักวิ่งรับรู้ข้อมูลการวิ่งและระยะทางของตัวเองแบบอัตโนมัติเรียลไทม์ผ่านทางออฟฟิเชียลแอคเคาท์ “UNICEF LINE Run”
"ตอนนี้สมาชิกไลน์ในประเทศไทยมีมากกว่า 33 ล้านคน ทำให้ผมเชื่อว่าการจับมือกับยูนิเซฟเป็นการเปิดโอกาสให้แฟนๆ ที่ชื่นชอบคาแรกเตอร์ไลน์มาสมัครวิ่งการกุศลด้วยกัน ตอนนี้เกือบครบ 8 พันคนแล้ว รายได้มอบให้ยูนิเซฟทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย ผมเชื่อว่าเด็กๆ ในประเทศไทยยังมีปัญหาอีกมากมายที่พวกเราไม่ค่อยรู้ เช่น เด็กชายขอบ หรือกลุ่มเด็กชาติพันธุ์ที่ไม่มีสัญชาติไทย ไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาหรือระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัญหาการใช้ความรุนแรงกับเด็ก ฯลฯ ไลน์หวังว่าวิ่งการกุศลครั้งนี้จะสนับสนุนโครงการของยูนิเซฟให้ช่วยเหลือเด็กๆ ได้มากขึ้น" พิเชษฐ กล่าว
นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่ “สาวกออนไลน์” กับ “วิ่งการกุศล” สามารถหลอมรวมกันได้ กลายเป็นพละกำลังช่วยสนับสนุนเด็กๆ ของพวกเราได้เติบโตอย่างมีสุขภาวะดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
ที่สำคัญคือรัฐบาลต้องจับมือคนไทยก้าวไปสู่อนาคตแบบปลดล็อก “ความเหลื่อมล้ำ” ไม่ใช่แค่ตั้งเป้าไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 อย่างไม่เท่าเทียม...
ทีมข่าวรายงานพิเศษ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง