คอลัมนิสต์

“ยิ่งลักษณ์” หนี “ประยุทธ์” ชิลล์...

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การเมืองไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร? คือสิ่งที่ผู้คนถามกันทั้งประเทศ

 

               ผ่านไป 3 วัน หลังเบี้ยวนัดฟังคำพิพากษาของศาลในคดีจำนำข้าว ล่าสุด “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกหญิงคนแรกของไทยยังคงเก็บตัวเงียบ ท่ามกลางข่าวหลายสายยืนยันตรงกันว่าเธอไปซบอกพี่ชาย “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ดูไบเรียบร้อยแล้ว

               การเมืองไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร? คือสิ่งที่ผู้คนถามกันทั้งประเทศ

               ถ้าดูเร็วๆ เปรียบเทียบกับบรรยากาศตอนที่ “ทักษิณ” หนีคดีที่ดินรัชดาฯออกไปจากประเทศเมื่อปี 2551 กับการหนีของ “ยิ่งลักษณ์” ในครั้งนี้จะเห็นว่าแตกต่างกัน

               ช่วงที่ “ทักษิณ” หนีออกไป มีบรรยากาศของการ “ไม่ยอมแพ้” อย่างชัดเจน ซึ่งทักษิณออกแถลงการณ์มาจากประเทศอังกฤษ ใจความสำคัญ คือ ไม่มีความปลอดภัยในชีวิต ระบบยุติธรรมถูกแทรกแซง เป็นระบบสองมาตรฐาน ทำให้ไม่ได้รับเป็นธรรม และขอให้ผู้สนับสนุนอดทนอีกนิดหนึ่ง หากมีวาสนาจะกลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทย

               ต่อมามีการประกาศชัดเจนว่าจะสู้ และนำมาสู่การชุมนุมเรียกร้องครั้งใหญ่และยืดเยื้อของคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์และสวนลุมพินี เมื่อปี 2553 ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนเกิดการสลายชุมนุม มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตระหว่างการชุมนุมและช่วงสลายการชุมนุมจำนวนมาก

               แต่สำหรับ “ยิ่งลักษณ์” ผ่านไป 3 วัน ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีการแสดงออกที่แข็งกร้าวของเธอ ตรงกันข้าม มีข้อมูลออกมาว่าเหตุผลที่ “ฝั่งยิ่งลักษณ์” ใช้อ้างสำหรับการหนีครั้งนี้คือ ไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าอันเนื่องมาจากคำพิพากษา ซึ่งประเด็นนี้ก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาเช่นกันว่า เธอรู้ได้อย่างไรว่าคำพิพากษาจะออกมาแบบไหน ในเมื่อตามกระบวนการกฎหมายแล้ว ยังไม่มีการลงมติว่าจะตัดสินอย่างไร

               การบอกว่า ไปเพราะไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า นั่นอาจบอกเป็นนัยๆว่า เธอคงจะไม่หันกลับมาอัดใส่อีกฝ่ายแบบทันทีทันใด

               ในระยะต้นนี้ทั้ง “ยิ่งลักษณ์” และ พี่ชาย จึงเก็บตัวเงียบ จะมีก็เพียงแต่ลูกสาวทั้งสองคนของทักษิณ คือ “เอม พินทองทา” และ “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” ที่ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมส่วนตัว เพื่อให้กำลังใจ “ยิ่งลักษณ์” และขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กับครอบครัวของพวกเธอ

               นักวิเคราะห์มองว่า ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่เวลาที่ “ยิ่งลักษณ์” หรือแม้กระทั่ง “ทักษิณ” จะแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดใส่กระบวนการยุติธรรม หรือฝ่ายผู้มีอำนาจ ซึ่งจะสร้างบรรยากาศการเผชิญหน้า อาจต้องรอไปปีหน้าหรือใกล้ๆเลือกตั้ง จึงจะสามารถแสดงความขึงขังออกมาได้

               ท่าทีของ “ทักษิณ” จะเป็นจุดหลักที่จะทำให้รู้ได้ว่า ทิศทางการเมืองไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร

               อย่างไรก็ตาม สำหรับ “ยิ่งลักษณ์” นั้น น่าจะชัดเจนแล้วว่า การที่เธอตัดสินใจหนีในนาทีสุดท้าย น่าจะหมายถึงการถอดใจทางการเมือง ความหวังของฝ่ายสนับสนุนที่คิดไว้ว่า หากเธอถูกศาลสั่งให้จำคุก แล้วเธอจะเดินเข้าคุกอย่างสง่าผ่าเผย สร้างภาพเป็นเหมือน “ออง ซาน ซู จี” จบลงทันที

               สิ่งที่ปรากฏออกมา คือการตอกย้ำเรื่องการไม่ยอมเสี่ยงติดคุกของคนในตระกูล “ชินวัตร” ลบภาพนายกฯหญิงที่มีความเข้มแข็ง พร้อมจะเผชิญกับทุกสิ่ง เหลือเพียงภาพ “น้องนุชสุดท้อง” ที่พี่ชายต้องดูแลต่อไป

               แต่ถ้าจะมองละเอียดลงไป ก็คงต้องมองไปทีละจุด

               อนาคตพรรคเพื่อไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?

               ตอนนี้น่าจะชัดเจนแล้วว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าคงจะไม่มีทายาทสายตรงในตระกูล “ชินวัตร” มาเป็นผู้ถือธงนำแล้ว ดูจากสถานการณ์ล่าสุดคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคนำทัพลงเลือกตั้งครั้งต่อไป น่าจะไม่หนีจาก “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ที่ช่วงหลังเปิดตัวชัดเจนมากขึ้นๆ

               แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่า “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” น้องเขยทักษิณ อาจจะมาแคนดิเดตชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่บวกลบคูณหารทุกด้านแล้ว “คุณหญิงหน่อย” น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

               หาก “คุณหญิงหน่อย” ถือธงนำ ก็จะมีความชัดเจนไปอีกว่า บรรยากาศทางการเมืองจะไม่ไปถึงขั้นบู๊เลือดสาด แต่จะเป็นลักษณะการประคองสถานการณ์ไป ทั้งช่วงเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง

               แน่นอนพรรคเพื่อไทยคงไม่สามารถมีชัยชนะแบบถล่มทลายเหมือนยุคที่ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ เป็นผู้นำทัพ และเมื่อพรรคไม่ได้ชัยชนะแบบถล่มทลาย ย่อมส่งผลต่อรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่มีการมองกันว่าคงไม่พ้น “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มารับบท “นายกฯคนนอกพรรค”

               อีกด้าน เมื่อหันมองดูแกนนำระดับ “ขาบู๊” โดยเฉพาะแกนนำคนเสื้อแดงในพรรคจะเห็นได้ชัดว่าอ่อนกำลังลงไปเรื่อยๆ “จตุพร พรหมพันธุ์” ถูกจำคุกจากคดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ และยังมีคดีอื่นๆรออีก รวมไปถึงคดีล่าสุดคือข้อหาอยู่เบื้องหลังล้มการประชุมอาเซี่ยนที่พัทยา เมื่อปี 2553 ที่นำโดยอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นอกจากจตุพรแล้ว ยังมีแกนนำเสื้อแดงคนสำคัญอีกหลายคน

               แกนนำเสื้อแดงบางคน ยอมรับว่า ตอนนี้พวกเขาก็ต้องโลว์โพรไฟล์ ลดบทบาทลง เพราะมีชนักติดหลังอยู่ ถึงที่สุดแล้วไม่มีใครอยากติดคุก โดยเฉพาะเมื่อ “ยิ่งลักษณ์” ถอดใจหนีไปแบบคาดไม่ถึง โดนหลอกกันทั้งพรรคแบบนี้ การที่จะให้ออกมาเล่นบทบู๊ยิ่งยากไปอีก

               อีกประเด็นที่เกิดขึ้นหลัง “ยิ่งลักษณ์” หนีไป คือคำถามที่ถาโถมเข้าใส่รัฐบาล คสช.ที่มีอำนาจพิเศษอยู่ในมือ ว่าปล่อยให้อดีตนายกฯหญิงหนีไปได้อย่างไร?

               หนักไปกว่านั้น มีข้อสงสัยว่า “ผู้ใหญ่” ในรัฐบาลอำนวยความสะดวกการหลบหนีครั้งนี้ด้วย จะเคลียร์กันอย่างไร?

               แต่เอาเข้าจริงต่อให้มีข้อสงสัยอย่างไร เมื่อไม่มีหลักฐาน ผ่านไปซักระยะ คำถาม คำด่า คำโจมตี ก็คงจะค่อยๆหายไป โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับภารกิจการดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศที่จะเบาขึ้น งานนี้เรียกว่าเกินคุ้ม

               อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ก็คงจะยังอยู่ในภาวะอึมครึมไปอีกระยะ ฝ่ายผู้สนับสนุนทักษิณ คงรอดูสัญญาณจากนายใหญ่ว่าจะขยับอย่างไร ฝ่ายการเมืองอื่นๆก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก เพราะยังถูกมัดมือด้วยคำสั่งห้ามทำกิจกรรมของ คสช.ซึ่งคงจะมีไปจนถึงช่วงใกล้เลือกตั้ง

               ทั้งหลายทั้งปวง “ยิ่งลักษณ์” ไม่อยู่ คสช. ซึ่งก็คือ "บิ๊กตู่" ชิลล์ขึ้นอีกเยอะ!!

               +++++

โดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ คมชัดลึกออนไลน์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ