คอลัมนิสต์

แกะรอย “ยิ่งลักษณ์” จาก “กัมพูชา” ถึง “ดูไบ”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แกะรอย “ยิ่งลักษณ์”จาก “กัมพูชา” ถึง “ดูไบ” และปลายทางคือ "อังกฤษ"

 

              เหตุพลิกผันทางการเมือง กรณี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หนีออกนอกประเทศ กลายเป็นประเด็นร้อน ที่ผู้คนอยากรู้ว่า อดีตนายกฯ หญิง มีเส้นทางหลบหนีอย่างไร? และมีใครช่วยเหลือ?

              ลองมาไล่เรียงความเคลื่อนไหวของ ยิ่งลักษณ์ ก่อนหายตัวไป 

              วันพุธที่ 23 ส.ค.2560 ช่วงเช้า ยิ่งลักษณ์ ได้ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 17 รูป โดยได้นิมนต์พระจากวัดบึงทองหลางมารับบาตรที่บ้านพัก ซอยโยธินพัฒนา 3

              ช่วงสาย ยิ่งลักษณ์ได้เดินออกจากบ้านพักไปยังวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เพื่อทำบุญไหว้พระถวายสังฆทาน พร้อมกราบขอพรสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหฺมรํสี) และปล่อยปลา

 

แกะรอย “ยิ่งลักษณ์” จาก “กัมพูชา” ถึง “ดูไบ”

 

              ระหว่างนั้น ได้มีประชาชนที่มาทำบุญ ต่างเข้ามาขอถ่ายรูปพร้อมให้กำลังใจยิ่งลักษณ์ และขอให้ชนะในทุกสิ่งทุกอย่าง

              ภาพและข่าวการทำบุญในวันนั้น ทีมงานของยิ่งลักษณ์ได้ส่งให้สื่อหลายสำนักนำไปเผยแพร่ และนี่เป็นการเคลื่อนไหวของยิ่งลักษณ์ครั้งสุดท้ายบนแผ่นดินไทย 

              วันพฤหัสบดีที่ 24 ส.ค.2560 ยิ่งลักษณ์ ได้ส่งสารไปถึงมวลชนผู้สนับสนุนตัวเธอและพรรคเพื่อไทย เฟซบุ๊ค Yingluck Shinawatra โดยเรียกร้องให้มวลชนไม่ต้องเดินทางมาที่ศาลฯ ขอให้รอฟังคำพิพากษาอยู่ที่บ้าน 

              โพสต์สุดท้ายของยิ่งลักษณ์ เริ่มมีคนตีความว่า เธออาจไม่มาฟังคำพิพากษา และบ่ายวันนั้น ในไลน์ “กลุ่ม 40 อดีต ส.ว.” เริ่มมีการส่งข้อมูลทำนองว่า “ยิ่งลักษณ์เดินทางออกจากเมืองไทยไปแล้ว”

              มีรายงานว่า สมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นผู้ที่แจ้งข่าว “ยิ่งลักษณ์หนี” แต่อดีต ส.ว.หลายคนยังไม่ปักใจเชื่อข่าวสารนี้ แม้จะทราบว่า สมชาย มีความสัมพันธ์พิเศษกับ “นายทหาร” ระดับสูงภายใน คสช. อาจได้ข้อมูลลับสุดยอดมาก็ตามที

              วันศุกร์ที่ 25 ส.ค. เวลา 9.00 น. สมชาย แสวงการ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สองคนสองคม” ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องฟ้าวันใหม่ โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า พบอดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 21:00 น. ที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเข้าช่องทางธรรมชาติ ก่อนจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปยังสิงคโปร์ เพื่อต่อเครื่องไปยังนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

แกะรอย “ยิ่งลักษณ์” จาก “กัมพูชา” ถึง “ดูไบ”

 

            ในที่สุด ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ได้เดินทางมาที่ศาลฯ จริงๆ และอ้างว่า ป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

              จากนั้น ข่าวสารระดับ “วงใน” ก็พรั่งพรูออกมาจาก “แหล่งข่าว” ทั้งฝ่าย คสช. และพรรคเพื่อไทย 

              เส้นทางหลบหนีออกจากไทยของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีหลายกระแส หลายเส้นทาง แต่ที่ค่อนข้างตรงกันคือ การเดินทางออกจากกรุงเทพฯ มุ่งตรงเกาะช้าง จ.ตราด ก่อนจะนั่งเรือไปขึ้นฝั่งที่เกาะกง ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินโปเชงตง กรุงพนมเปญ ไปต่อสิงคโปร์ และปลายทางที่นครดูไบ

              รายงานข่าวจากแหล่งข่าวความมั่นคงเปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 23 ส.ค. ยิ่งลักษณ์ออกเดินทาง โดยไม่มี “นายตำรวจติดตาม” และน้องไปป์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แต่มี “นายทหารชั้นผู้ใหญ่” คอยอำนวยความสะดวกให้ โดยเธอแวะพักที่โรงแรมชื่อดังบนเกาะช้างช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนเดินทางเข้ากัมพูชา

              จะว่าไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล “ชินวัตร” กับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น ไม่ต้องพูดถึงว่า “แน่นปึ้ก” แค่ไหน

              กัมพูชาจึงเป็น “จุดผ่านทาง” ที่ปลอดภัยและสะดวกรวดเร็วที่สุดในการเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ และดูไบ 

              บังเอิญเหลือเกินว่า ระหว่างวันที่ 23-25 ส.ค.2560 “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย เดินทางไปร่วมการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา และได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคำนับสมเด็จฮุน เซน ด้วย

 

แกะรอย “ยิ่งลักษณ์” จาก “กัมพูชา” ถึง “ดูไบ”

              แหล่งข่าวในหน่วยข่าวกรองเล่าว่า การเดินทางออกนอกประเทศของยิ่งลักษณ์ ไม่เพียงแต่จะมีการเล่น “ลับ ลวง พราง” ภายในพรรคเพื่อไทยเท่านั้น หากแต่ฟากฝ่ายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีคนที่รู้เรื่องนี้แบบ “จำกัดวง” รวมถึงหน่วยข่าวทั้งสายทหาร และพลเรือน

              ปฏิบัติการ “อุ้มยิ่งลักษณ์” ข้ามพรมแดน เป็นเรื่อง “ลับสุดยอด” ซึ่งอดีตนายทหารผู้เชี่ยวกรำศึกมายาวนาน ย่อมมีความช่ำชองและชำนาญในกลยุทธ์ดังกล่าว

              ปฏิบัติการ “อุ้มยิ่งลักษณ์” เป็น “ดีลลับ” ของชนชั้นนำ จึงทำให้นักการเมืองพรรคไทย แต่งตัวมารอเก้อที่หน้าศาลฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ก็แอ๊คชั่นกันเต็มที่ โดยไม่มีใครทราบว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หลบหนีไปแล้ว

              ล่าสุด มีรายงานว่า “ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางมาพร้อมเครื่องบินส่วนตัว Gulf Stream G-650ER ขนาด 12 ที่นั่ง ความเร็ว 1,200 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ราคา 2,400 ล้านบาท โดยทักษิณนำเครื่องบินมารอรับน้องสาวที่สิงคโปร์ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังนครดูไบ 

              และมีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศว่า "อดีตนายกฯหญิง" เตรียมขอสถานะเป็นผู้ลี้ภัยในอังกฤษ!!

              หากกางตำราพิชัยสงคราม “หนี” คือยอดกลยุทธ์ 

              เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นผลดี จะต้องหลีกเลี่ยงกับการสู้รบขั้นแตกหักกับข้าศึก ทางออกจึงมี 3 ทาง ยอมจำนน เจรจาสงบศึก ถอยหนี 

              การยอมจำนนคือการพ่ายแพ้อย่างถึงที่สุด การขอเจรจาสงบศึกคือการพ่ายแพ้ครึ่งหนึ่ง การถอยหนีกลับอาจจะแปรเปลี่ยนมาเป็นชัยชนะได้ 

              แต่การหนีของยิ่งลักษณ์ จะสร้างโอกาสกลับมาสู่ชัยชนะได้หรือไม่นั้น ยังเป็นข้อกังขา เพราะการหนีของทักษิณ ก็พยายามสร้างโอกาส เก็บชัยชนะได้ แต่ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงต้องพลาดท่าปราชัยในภายหลัง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ