คอลัมนิสต์

เมื่อ "พระยา" เหยียบเมือง !!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 เมื่อช้างจะเหยียบนา พระยาจะเหยียบเมือง ก็ต้องสมค่าสมราคา

           เมื่อช้างจะเหยียบนา พระยาจะเหยียบเมือง ก็ต้องสมค่าสมราคา จะให้ไปเงียบๆก็กระไรอยู่ หากงานไม่ออก ประชาชนไม่รู้ก็จะถูกครหาว่าใช้งบไปเที่ยวเล่นเสียเปล่า “ครม.สัญจร โคราช 2560” จึงมีภาระกิจพิเศษนอกเหนือจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเท่านั้น

          การประชุมจัดขึ้นในวันที่ 22 ส.ค. แต่ภาระกิจของเหล่ารัฐมนตรีนั้น “ปูพรม” ลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. มีตั้งแต่งานใหญ่ยันงานเล็ก เช่นดูปัญหาการแก้หนี้นอกระบบ ดูปัญหาวัณโรคในเรือนจำ ดูเครื่องปั้นดินเผา ให้กำลังใจเด็กตาบอด ฯลฯ

          แต่ตามปกติการลงไปประชุมในพื้นที่นั้น ความสนใจของคนมักจะเทไปที่ตัว “นายกรัฐมนตรี” ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเฉพาะรัฐบาลนี้ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นตัวชูโรง เพราะไหนจะเป็นทั้งผู้นำประเทศ เขายังควบตำแหน่ง “รัฏฐาธิปัตย์” อีกด้วย ดังนั้นทุกโฟกัส ทุกการตัดสินใจจึงรมศูนย์ไปที่คนเพียงคนเดียว

          ยิ่งไปกว่านั้น คนอย่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังมีสีสันมากพอที่จะให้คนจับตา เทียบกับรัฐมนตรีคนอื่นแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นมวยคนละชั้น จึงเป็นที่มาของการติดตามและเกาะติดทุกความเคลื่อนไหว

          นอกจากนี้ต้องบอกว่าการอยู่ในภาวะรวมศูนย์อำนาจ ทำให้ย่างก้าวของรัฐมนตรีคนอื่นดูไม่น่าสนใจ ประกอบกับผลงานที่ผ่านมาหากว่ากันตามจริงแล้ว มี รัฐมนตรีจำนวนหนึ่งที่ทำงานเหมือนเป็นข้าราชการประจำ ไม่ได้ทำตัวเหมือนเป็นผู้บริหารระดับนโยบาย จนถูกขนานนามว่าเป็น “รัฐมนตรีเกรดบี” บ้าง เป็น “รัฐมนตรีโลกลืม” บ้าง

          หากมองแบบให้ความเป็นธรรมก็ไม่แปลก เพราะมีรัฐมนตรีเช่นนี้ในทุกรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้จะมีมากกว่ารัฐบาลอื่นหน่อยๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดเชิงบุคคล หากแต่เป็นเพราะระบบทำให้เกิดภาวะเช่นว่าขึ้นมา

          แต่สิ่งที่ดูจะผิดประหลาดก็คือเมื่อมีบางคน อยากให้รัฐมนตรีโลกลืม ไม่ถูก “โลกลืม” จึงคิดแคมเปญโปรโมท “พระยาเหยียบเมือง” ขึ้นมา เพื่อป่าวประกาศว่าเขาเหล่านั้นได้ทำ และกำลังจะทำอะไรลงไป

          “กรมประชาสัมพันธ์” จึงเรียกทีมบริหารสถานีโทรทัศน์ต่างๆ และขอความร่วมมือในการ “ประชาสัมพันธ์” การลงพื้นที่ในรูปแบบของการทำข่าว

          มีผู้จดจำคำกล่าวของคนนั่งหัวโต๊ะในวงประชุมวันนั้น ถึงการขอ “ความร่วมมือ” ได้ว่า

          "NBT จะจัดทำรายการพิเศษ ในวันจันทร์ที่ 21 ส.ค. ช่วงบ่าย หรืออาจจะเป็นวันอื่นสุดแล้วแต่​ซึ่งจะไปตกลงกันในรายละเอียด แล้วจะมีรายงานพิเศษจากในพื้นที่ ที่บ้านโนนไท สมมติ จ.ขอนแก่น มีรมต. คนนี้ไปติดตามงาน ปัญหาเดิมคืออะไรที่ผ่านมาแก้ปัญหายังไง วันนี้ไปติดตามงาน เพื่อเพิ่มเติมประเด็นอะไรหรือติดปัญหาตรงไหน แก้ไขปัญหาแล้วคาดว่าสำเร็จเมื่อไหร่ ประชาชนมีข้อสังเกตเพิ่มเติม อะไร ท้ังหลายเหล่านี้ อยากให้ท่านได้ติดตามข้อมูลว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร แล้วรายงานพิเศษกลับมายัง ช่อง NBT

          “สรุปแล้วว่าผมจะขอให้ท่านเป็นกำลังของผม โดยที่่่ท่านไม่ต้องเขิน ท่านสามารถใช้ไมโครโฟนของท่านได้เลย จะเป็นตราสัญลักษณ์ ของ ช่อง 7 5 9 ไทยพีบีเอส โมโน ทีเอ็นเอ็น 24 นิวส์ทีวี ไทยรัฐทีวี อมรินทร์ หรืออะไรก็ได้ ท่านรายงานเข้ามาเลย โดยเราจะกำหนดเป็นคิว แต่ผมไม่สามารถกำหนด ให้ท่าน รมต. แต่ละคนลงพื้นที่ในเวลาใกล้เคียงกันได้ ดังนั้นการรายงานข้อมูลเข้ามาไม่จำเป็นต้องสด เป็นได้ทั้งสด และแห้ง ท่านทำเบ็ดเสร็จเข้ามาเลย”​

          ท่านผู้นั่งหัวโต๊ะร่ายยาวราวกับเป็นผู้บังคับบัญชาของสื่อแต่ละสำนัก  และน่าสนใจว่ามีสื่อบางช่องรับลูกราวกับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา

          ไม่แปลกหากสื่อจะไปตามการทำงานของรัฐมนตรีคนไหนก็ตามแต่ที่ลงพื้นที่  หากกองบรรณาธิการ เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นข่าว ที่น่าสนใจทั้งสำหรับประชาชนและตัวเอง  

          แต่เรื่องราวจะแปลกหาก ผู้บริหารสำนักข่าวรับจะไปทำเพื่อหวังการประชาสัมพันธ์ ให้กับรัฐบาล  เพราะตัวท่านนั้นอาจจะเกิดความสับสนในบทบาทหน้าที่ของ “สื่อมวลชน” กับ “เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์”  

          ที่สำคัญสื่อต้องรับผิดชอบต่อประชาชนมิใช่ต่อรัฐบาล และต้องแจ้งให้เจ้าของโปรเจคท์ “พระยาเหยียบเมือง” ได้ทราบถึงหลักการข้อนี้อย่างชัดเจน 

--------

คอลัมน์ขยายปมร้อน : อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ