คอลัมนิสต์

ระลอกแล้วระลอกเล่า...คลื่นวิบาก กระหน่ำบ้าน “อัศวเหม”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อัศวเหม" ตระกูลนี้ดังระดับประเทศ แต่ระยะหลังวิบากกรรมซ้ำกระหน่ำซัดอย่างไม่หยุดหย่อน

          ตระกูล “อัศวเหม” บ้านใหญ่แห่งเมืองปากน้ำหลังนี้เคยครองความยิ่งใหญ่ทั้งในระดับจังหวัดและระดับชาติมาแล้ว แต่กาลเวลาผ่านไปดูเหมือนว่า “ความยิ่งใหญ่” ไม่เคยกลับมาเยือน “บ้านใหญ่” หลังนี้อีกเลย หากมีแต่ปัญหาและคดีความที่แวะเวียนเข้ามาเคาะประตูบ้านแทน

 

          บ้านหลังนี้ในอดีตเคยอยู่ภายใต้บารมีของ “วัฒนา อัศวเหม” ผู้เป็นบิดา และมีบุตรชายสามคน ที่คือ “พิบูลย์ - พูนผล - ชนม์สวัสดิ์”

 

          “วัฒนา” เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อปากน้ำ” บารมีกว้างขวาง คุมธุรกิจมหาศาล ว่ากันว่าธุรกิจของ “อัศวเหม” อยู่ในหลักหมื่นล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านธุรกิจการเกษตร รวมถึงธุรกิจน้ำมัน

          ยามรุ่งเรือง เขาเป็นรัฐมนตรีหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในปี (พ.ศ. 2519) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2531, 2533, 2540) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พ.ศ. 2535)

 

          ก่อนนั้น “วัฒนา” เป็นเจ้าถิ่น “ปากน้ำ” โดยเป็น ส.ส.สมุทรปราการถึง 10 สมัย ตั้งแต่ปี 2518

          นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรคการเมืองหลายพรรค เช่น รองหัวหน้าพรรคชาติไทย หัวหน้าพรรคราษฎร ที่ปรึกษาพรรคมหาชน ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน

 

          แต่หลังจากปี 40 เป็นต้นมาปัญหาก็เริ่มเข้าสู่ตระกูล “อัศวเหม” เมื่อปี 2542 ได้มีสื่อสำนักหนึ่งจับได้ว่ามีการโกงเลือกตั้ง โดยครั้งนั้นเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครปากน้ำ ซึ่งมีคู่แข่งคือกลุ่มปากน้ำ 2000 ที่นำโดยนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม และกลุ่มเมืองสมุทร ที่นำโดยประสันต์ ศีลพิพัฒน์

 

          ซึ่งขณะนั้นได้มีภาพที่เห็นว่ามีการเปลี่ยนบัตรเลือกตั้งในหีบอย่างอุกอาจ ซึ่งทำให้มีการระงับการเลือกตั้งในสามหน่วย แต่เมื่อนับรวมหน่วยอื่นแล้วปรากฏว่ากลุ่มปากน้ำ 2000 ได้รับชัยชนะไป แต่สมุทรปราการก็ถูกตราหน้าว่า “โคตรโกงเลือกตั้ง” ที่สุดเมื่อมีกระบวนการทางการเมือง “ชนม์สวัสดิ์” จึงลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรปราการ

 

          ขณะที่ “วัฒนา” เอง ก็เผชิญวิบากกรรมไม่แพ้กัน เมื่อถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการ “ทุจริตโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน” โดยมีการระบุว่าขณะนั้นที่ “วัฒนา” ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2540 ได้กว้านซื้อดินจากชาวบ้านในราคาถูก และได้ออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบรุกล้ำที่ดินสาธารณะประโยชน์ แล้วนำไปขายต่อให้รัฐทำโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน

          ที่สุดในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้นัดพิพากษาคดีดังกล่าว แต่ “วัฒนา” ไม่มาปรากฏตัว จนศาลออกหมายจับ และมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ให้จำคุกนายวัฒนา 10 ปี พร้อมกับออกหมายจับเพื่อติดตามตัวจำเลย มารับโทษ และปรับเงินนายประกัน 2ล้าน2แสนบาทถ้วน ต่อมานายวัฒนา ได้ยื่นขออุทธรณ์คดีดังกล่าว แต่ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณา

 

          แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ร่วม 10 ปี มาแล้ว ยังไม่สามารถตามจับ “วัฒนา” มารับโทษได้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเขากินหรูอยู่สบายในประเทศเพื่อนบ้าน และ ประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีภาพ “วัฒนา” ปรากฏตัวที่ประเทศจีนเป็นระยะ ทั้งทีมาเก๊า โดยปรากฏตัวพร้อมกับ “ชนม์สวัสดิ์” และ “เจนี เทียนโพธิ์สุวรรณ” นางเอกสาวอดีตภรรยา

 

          สำหรับบุตรชายคนโตอย่าง “พิบูลย์” นั้น ไม่มีชื่อเสียงในวงสังคมมากนัก และเป็นผู้ดูแลธุรกิจของ“ อัศวเหม”

 

          ส่วนบุตรชายคนรองอย่าง “พูนผล” นั้นเขาดูแลทั้งธุรกิจ และก้าวขาเข้าสู่การเมือง แต่ในปี 2547 เขาถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่ายื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และถูกสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี

 

          อย่างไรก็ตามในปี 2558 ถือเป็นปีที่เลวร้ายสำหรับ “บ้านอัศวเหม”เมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2558 “ชนม์สวัสดิ์” ถูกตัดสินจำคุกจากการทุจริตเลือกตั้งที่สมุทรปรากการ เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ปิดฉากคดี “โคตรโกงเลือกตั้ง”

 

          นอกจากนี้ยังเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเมื่อ วันที่ 29 ธันวาคม 2558 “พูนผล” ได้เสียชีวิตลง โดยพบศพนายพูลผลนอนเสียชีวิตอยู่ที่เก้าอี้ในบ้านเรือนไม้หลังเล็ก ซึ่งแพทย์ระบุว่าเขาเสียชีวิตจากอาการช็อกวูบแล้วล้มลงกระแทกพื้น และมีภาวะหัวใจล้มเหลว

 

          ต่อมาในวันที่ 6 ส.ค. 2559 “ชนม์สวัสดิ์” ก็พ้นโทษออกมา ซึ่งนับจากวันนั้นเขาก็เก็บตัวเงียบมาโดยตลอด

 

          หากนับในบรรดาพี่น้อง “ชนม์สวัสดิ์” ดูจะเป็นที่รู้จักในสังคมมากที่สุด ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการเปิดตัวต่อวงสังคม วงการการเมือง พฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมไปถึงการแต่งงานทั้งสองครั้งซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นระดับแถวหน้าของวงการบันเทิง

 

          และล่าสุด “อัศวเหม” ก็ยังไม่พ้นวิบากกรรมเมื่อ ป.ป.ช.มีมติชี้มูล “ชนม์สวัสดิ์” ว่าทุจริตกรณีการทำสัญญาจ้างเก็บขยะและกวาดถนน แบบผูกพัน 5 ปี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรปราการ ซึ่ง ป.ป.ช. มองว่าไม่สามารถทำงบประมาณผูกพันได้ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย

 

          ทำให้หลายคนจับตาว่า หากถึงที่สุดศาลเห็นตาม ป.ป.ช. “ชนม์สวัสดิ์” อาจต้องเดินกลับเข้าคุกอีกครั้งหนึ่ง นี่ยังไม่รวมคดีงบเตาเผาศพของเทศบาลนครสมุทรปราการซึ่ง ป.ป.ช. กำลังดำเนินการอยู่ด้วย

 

          “บ้านใหญ่แห่งปากน้ำ” ถึงวันนี้วิบากยังซัดมาเป็นระลอกๆ และยังไม่รู้ว่าคลื่นกรรมจะจบลงเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ เรื่องที่จะรุ่งเรืองดังในอดีตคงเป็นไปได้ยากยิ่ง

-------

อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ