คอลัมนิสต์

ฟังขึ้นไหม? ทำไมไม่ย้าย "ผอ.สามเสน" !!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มีตั้งคำถามและกระแสเรียกร้องให้มีการย้าย "นายวิโรฒ" ออกจากตำแหน่งก่อน... สุดท้ายก็ขึ้นกับสังคม ที่จะตัดสินว่าเหตุผลของกระทรวงศึกษาฟังขึ้นหรือไม่ !!?

 

             กรณี "คลิปฉาว" ที่กล่าวหาว่าเป็นการจ่ายเงินให้ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งเพื่อแลกกับการรับเด็กเข้าเรียน ม.1 ซึ่งต่อมา "นายวิโรฒ  สำรวล" ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ได้ออกมายอมรับว่าเป็นคนในคลิป แต่ไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว และได้แจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทกับผู้ทำคลิป 

             แน่นอนมีตั้งคำถามและกระแสเรียกร้องให้มีการย้าย "นายวิโรฒ" ออกจากตำแหน่งก่อน

             อย่างไรก็ตาม "นายการุณ  สกุลประดิษฐ์" เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้เหตุผลว่า  "ที่ยังไม่มีคำสั่งย้าย ส่วนหนึ่งนอกจากต้องสอบสวนหาข้อมูลแล้ว ตอนนี้มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่ให้ย้าย หากย้ายอาจไม่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายต้องสอบสวนให้ชัดเจน"

             ทั้งนี้เลขาธิการ กพฐ.ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยบอกว่า หากผลการสืบข้อมูลของคณะกรรมการพบว่ามีการกระทำผิดจริง ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยทันที สพฐ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ

             อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเคยมีหลายกรณีที่หน่วยงานต่างๆมีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการที่มีปัญหาถูกร้องเรียนออกจากตำแหน่งก่อน และหากต่อมาพบว่าไม่มีความผิดก็ย้ายกลับตำแหน่งเดิม

             ตัวอย่างล่าสุดก็คือ กรณีของ "นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์" ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ต้องถูก "เด้งเข้ากรุ" ที่กระทรวงมหาดไทย หลังถูกกล่าวหาว่าไปซื้อบริการเด็ก ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าไม่เกี่ยวข้อง และสุดท้ายเมื่อผลออกมาว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องจริงๆ แต่ถูกแอบอ้างชื่อ ทางปลัดกระทรวงก็เซ็นต์คำสั่งให้เขากลับไปปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าแม่ฮ่องสอนตามเดิม

             ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ที่ผ่านมาเคยมีการสั่งย้ายระดับปลัดกระทรวง คือ "นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์" ด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่เรื่องทุจริตหรือประพฤติมิชอบ แต่เพราะถูกร้องเรียนว่าไม่สนองนโยบายสาธารณสุขของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น คือ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน 

             โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งให้ นพ.ณรงค์  มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง และ ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ลงนามในคำสั่งให้นพ.ณรงค์ กลับมาดำรงตำแหน่งปลัดสธ.เช่นเดิม 

             กรณีของตำรวจก็เช่นกัน เมื่อข้าราชการตำรวจพัวพันหรือเข้าข่ายกระทำความผิด หรือทุจริตมิชอบ ก็จะถูกตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนสรุปว่ามีความผิดหรือไม่อย่างไร โดยระหว่างตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก็จะถูกออกคำสั่งย้ายให้ขาดจากตำแหน่งเดิมเข้าต้นสังกัด หากผลสอบออกมาว่า ผิดจริงก็จะถูกลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา  หากไม่ผิด ผู้บังคับบัญชาก็จะออกคำสั่งให้กลับไปทำหน้าที่ในตำแหน่งเดิม หรือเมื่อถึงวาระแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีก็จะให้ประจำนอกหน่วย

             ทั้งนี้ที่ผ่านมามีกรณีของ "พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล" ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งขณะดำรงตำแหน่ง ผบช.สตม. ก็มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ตร. โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เนื่องจากมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มีการกล่าวหาว่าตำรวจ ตม.ด่านต่างๆรับส่วย แต่เมื่อการสืบสวนสอบสวนพบว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลย ซึ่งประจวบเหมาะกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพล พล.ต.ท.ภาณุ ก็ได้เลื่อนในตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น จาก ผบช.สตม. เป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

             สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ มีคำอธิบายว่า กรณีที่เกิดข้อร้องเรียน หรือการกล่างอ้างว่าผู้บริหารสถานศึกษา มีพฤติกรรมหรืออาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีร้องเรียนการทุจริต การบริหารงานไม่โปร่งใส ปัญหาความขัดแย้งกับครูและบุคลากร หรือขัดแย้งกับผู้ปกครองนักเรียน เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ต้นสังกัดจะมีอำนาจในการสั่งการให้ย้ายผู้บริหารสถานศึกษา เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวที่ สพท.หรือที่ส่วนกลาง คือ สพฐ.ได้ทันที 

             แต่จะเป็นการสั่งการกรณีที่พบว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำการที่เป็นอุปสรรคต่อการสืบข้อเท็จจริง เพราะหากมีคำสั่งย้ายโดยที่ไม่มีเหตุผลอันสมควร จะถือว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย และไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา 

             ดังนั้นจึงต้องรอจนกว่าผลการสืบข้อเท็จจริงปรากฎ หากมีการชี้มูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และนำไปสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงจะมีการสั่งย้าย

             กรณีของนายวิโรฒ  สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ที่ยังอยู่ในกระบวนการสืบข้อเท็จจริง นายการุณ จึงบอกว่าต้องรอให้ได้ข้อสรุปก่อนจึงจะดำเนินการต่อไป และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นภายในสถานศึกษา

             สุดท้ายก็ขึ้นกับสังคม ที่จะตัดสินว่าเหตุผลของกระทรวงศึกษาฟังขึ้นหรือไม่ !!?

------

            ล่าสุดในช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย. หลังหารือรมว.ศึกษาฯ “การุณ”มอบผอ.สพม.ออกคำสั่งย้ายผอ.ร.ร.สามเสนวิทยาลัยช่วยราชการสพม.กทม.เขต 1 ชั่วคราว ลดความขัดแย้ง (อ่านต่อ...สั่งด่วน! ให้สพม.ย้ายผอ.สามเสนฯ)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ