คอลัมนิสต์

“เรือนรับรองหลังใหม่” แห่งทำเนียบรัฐบาล "ลุงตู่"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อเรือนรับรองหลังใหม่ของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถือเป็นอาคารใหม่หลังแรกในรอบ 20 ปี ใกล้เสร็จ สวยงาม สมตามความต้องการ แต่ เอ๊ะ!! เมื่อเปิดสัญญากลับพบว่าไม่ทัน

สืบเนื่องจากดำริของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่จะสร้างอาคารหลังใหม่ เพื่อให้เป็นสถานที่รับรองอาคันตุกะจากต่างแดน ซึ่งที่ผ่านมาจะใช้ตึกสันติไมตรี หรือห้องรับรองที่ตึกไทยคู่ฟ้า แต่บางครั้งที่เป็นคณะเล็กทำให้การใช้ตึกสันติไมตรีดูจะไม่ลงตัวและอบอุ่นนัก อาคารหลังใหม่จึงเป็นเรือนที่รองรับแขกต่างประเทศ และใช้ประชุมอเนกประสงค์ได้ตามแนวคิดของ "ท่านผู้นำ" 


    มาถึงวันนี้วันที่ความคืบหน้าของการก่อสร้างได้เดินไป 80-90% "ประยุทธ์" ได้นำได้นำครม.เยี่ยมชมความคืบหน้าอาคารเรือนรับรองหลังใหม่ ด้วยตนเอง โดยมีพล.ต.ธีรพล มณีแสง เจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก และนายจักริน อุตตะมะ มัณฑนากรชำนาญการพิเศษ จากกรมศิลปากร ที่รับผิดรับดูแลงานออกแบบและก่อสร้าง เตรียมต้อนรับและบรรยายข้อมูล  แต่ขึ้นชื่อว่า "ลุงตู่" แล้ว  คนอื่นไม่ต้อง  โดยทำหน้าที่ทั้งนำชมและบรรยายรายละเอียดด้วยตัวเอง   

“เรือนรับรองหลังใหม่” แห่งทำเนียบรัฐบาล "ลุงตู่"

    ทั้งนี้ภายใน มีห้องโถงกว้าง 1 ห้อง ห้องน้ำชายหญิง 1 ห้อง  มีห้องรับรองยอดโดม 1 ห้อง ห้องรับรองวีไอพี 1 ห้อง แล้วมีห้องหลังคาโดมไว้เก็บของและใช้เครื่องคอนโทรลเสียง
 
    ส่วนทางเข้าขึ้นมี 2 ด้าน ด้านหน้าเป็นถนนตรงข้ามสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  ส่วนทางเข้าหลังเป็นประตูเชื่อมไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งมีห้องทำงานของนายกฯ อยู่ได้

    "ประยุทธ์" เล่าว่าสีเหลืองที่ใช้ทาในตัวอาคารว่า สีเหลืองเป็นสีประจำวันเฉลิมพระชนมพรรษาหรือวันพระราชสมภพของพระเจ้าอยู่หัวปัจจุบัน และพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช แต่จะให้ไปดูว่าอาคารหลังใหม่นี้ควรจะมีสีฟ้าซึ่งเป็นสีของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถด้วยหรือไม่ โดย อาคารนี้ใช้งบประมาณ137,371,700 บาท ควบคุมการก่อสร้างออกแบบโดยกรมศิลปากรให้สอดคล้องกับยุคสมัย ซึ่งเราต้องมีสิ่งเหล่านี้ไว้บ้างเพราะเราใช้ตึกเก่ามาเป็นเวลาหลายปี แขกหลายประเทศมีความภูมิใจที่ได้มาเยือนสถานที่สวยงามของไทย ซึ่งเป็นศิลปะทั้งตะวันตกและตะวันออก 

“เรือนรับรองหลังใหม่” แห่งทำเนียบรัฐบาล "ลุงตู่"

    "ในวันหน้าทำเนียบรัฐบาลก็อาจะใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้บ้าง ขณะนี้ก็มีเด็กนักเรียนมาชมทุกสัปดาห์อยู่แล้ว เป็นการพัฒนาโดยไม่ลืมสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์เดิมด้วย" 

    ทั้งนี้อาคารหลังดังกล่าวได้ยกเสาเอกเมื่อวันที่  16 พ.ค. 2559 หรือเมื่อ 1 ปีที่แล้ว  โดยอาคารหลังนี้ตั้งอยู่บริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า ภายในทำเนียบรัฐบาล 

           แนวคิดการสร้างหลังนี้เกิดจาก  "2 บิ๊ก"   เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารจากตึกไทยคู่ฟ้า คือ “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กอ้อ” พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่มีการตั้งฉายากันว่า “นายกฯ น้อย” โดยตั้งแต่ "ประยุทธ์" เข้ามาบริหารประเทศก็ได้บูรณะ ซ่อมแซม รีโนเวท หลายอาคารสำคัญของทำเนียบรัฐบาล 

“เรือนรับรองหลังใหม่” แห่งทำเนียบรัฐบาล "ลุงตู่"

    โดยการสร้างเป็นการทำงานร่วมกันของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรมยุทธโยธาทหารบก และกรมศิลปากร ในสัญญาจ้างเลขที่ 97/2559 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม วงเงิน 137 ล้านบาท เริ่มสัญญาจ้าง 29 มีนาคม 2559 และสิ้นสุดสัญญา 21 กุมภาพันธ์ 2560 ดำเนินการก่อสร้างโดย กิจการร่วมค้า วิทย์การช่าง-ไซเลนเทค ควบคุมงานโดยกรมยุทธโยธาทหารบก   ซึ่งขณะนี้ถือว่าเสร็จช้ากว่าสัญญา


    เมื่อสอบถามไปยังพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯรัฐมนตรี ปฎิเสธที่จะัให้ข้อมูลโดยระบุว่า ให้ไปถามสำนักงานเลขาธิการครม.เอง 


    ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่เคยมีการก่อสร้างอาคารในทำเนียบรัฐบาลมาแล้วกว่า 20 ปี ครั้งสุดท้ายที่มีการสร้างตึกที่ทำเนียบรัฐบาลคือสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่มีการสร้างตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และตึกสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งแต่ละรัฐบาลที่เข้ามาก็จะมีสไตล์การปรับภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาลที่แตกต่างกันไป เช่น การปลูกต้นไม้ดอกไม้ การย้ายที่ตั้งของศาลพระภูมิ ตามสิ่งที่ผู้นำประเทศแต่ละบุคคลเชื่อถือ เพื่อเป็นฤกษ์ชัยอย่างหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่

“เรือนรับรองหลังใหม่” แห่งทำเนียบรัฐบาล "ลุงตู่"

           ด้านรายละเอียดของอาคารแห่งนี้ คือเป็นอาคาร 2 ชั้น สูง 16.61 กว้าง 24.50 เมตร ยาว 54.25 เมตร แบ่งพื้นที่ใช้สอย 1,385 ตารางเมตร ชั้นล่างมีพื้นที่ 1,181 ตารางเมตร จะมีห้องประชุมรองรับได้ 150 คน ห้องรับรอง 2 ห้อง ห้องครัว ห้องแต่งตัว ห้องน้ำชาย-หญิง ส่วนชั้นบนมีพื้นที่ 204 ตารางเมตร จะเป็นส่วนของห้องควบคุมและห้องเก็บของ สำหรับโสตทัศนูปกรณ์ ในอาคารก็จะมีจอทีวีแอลอีดี ทีวีมอนิเตอร์ ชุดไมโครโฟน เรียกได้ว่าทุกอย่างครบครัน สามารถใช้ได้ทั้งรับรองแขก การประชุมหารือ ทั้งในรูปแบบทางการหรือแบบนั่งทอล์กสบายๆ คู่กับมื้ออาหารด้วยก็ได้ ตามแต่จะสะดวก

“เรือนรับรองหลังใหม่” แห่งทำเนียบรัฐบาล "ลุงตู่"

           อาคารเรือนรับรองหลังนี้ “บิ๊กตู่” หมายมั่นให้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ โดยจะสร้างสะพานเชื่อมจากตึกไทยคู่ฟ้าในลักษณะที่เป็น “สะพานแก้ว” เป็นกระจกโปร่งใสให้เห็นวิวสายน้ำของคลองหลังตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นพิธีการต้อนรับเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้าแล้ว สามารถเดินลงสู่ทางเชื่อมไปยังอาคารเรือนรับรองใหม่ เมื่อมองด้านซ้ายเห็นตึกนารีสโมสร ที่เป็นอาคารเก่าแก่ใช้เป็นสถานที่แถลงข่าว หันมองด้านขวา ก็จะเห็นตึกสันติไมตรี ที่เป็นอาคารหลังใหญ่ที่ใช้ทั้งการประชุมและจัดกิจกรรมสำคัญของรัฐบาล ขณะที่โดยรอบก็จะเป็นสายน้ำใสไหลเย็น โดยจะมีการขุดลอกใหม่ให้สวยงามเข้ากัน

“เรือนรับรองหลังใหม่” แห่งทำเนียบรัฐบาล "ลุงตู่"

           ส่วนชื่อเป็นทางการของอาคารรับรองหลังนี้ แต่เดิมเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะให้ประชาชนร่วมส่งชื่อเข้าประกวดคัดเลือก แต่ “ประยุทธ์" เห็นว่าควรจะให้กรมศิลปากรเป็นฝ่ายตั้งชื่อให้เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จมากกว่า
 
    แต่เมื่อเสร็จล่าช้า ต้องดูว่า "ลุงตู่" จะว่าอย่างไร  เพราะคนที่รับทำก็ทหารด้วยกันเอง
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ