คอลัมนิสต์

ล็อกเป้า “บ้านนักการเมือง” สนองปราบมาเฟีย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อนโยบายปราบมาเฟีย นำมาซึ่งการปิดล้อมตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยว่าเป็น "ผู้มีอิทธิพล" และหลายคนในนั้นเป็น "นักการเมือง" เรามาดูว่ามีใครบ้าง

หลังการรัฐประหาร  22 พ.ค. 2557 ภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จนแปลงร่างมาเป็นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ นโยบายหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นจุดขายคือการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ภายใต้สโลแกน “จัดระเบียบสังคม”

 

โดยรัฐบาลได้ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ระงับ ยับยั้งไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายหรือมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะ เรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ได้ขีดเส้นตายต้องสำเร็จภายใน 6 เดือน

  

ตามมาด้วยคำสั่งหัวหน้า คสช.เลขที่ 324/2558 ลงวันที่ 29 ต.ค. 58 ได้แต่งตั้ง “คณะกรรมการบูรณาการปราบปรามผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น” มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหัวเรือใหญ่

 

ความหมายของผู้มีอิทธิพล ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรม -นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ -ฮั้วประมูลงานราชการ -หักหัวคิวรถรับจ้าง -ขูดรีดผู้ประกอบการ -ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี -เปิดบ่อนการพนัน -ลักลอบค้าประเวณี -ลักลอบนำคนเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย-ล่อลวงแรงงานไปยังต่างประเทศ -แก๊งต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว -มือปืนรับจ้าง –รับจ้างทวงหนี้ด้วยการข่มขู่ใช้กำลัง -ลักลอบค้าอาวุธสงคราม-ปืนเถื่อน -บุกรุกที่ดินสาธารณะ-ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ –เรียกรับผลประโยชน์บนเส้นทางหลวงสาธารณะ -ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

 

ซึ่งมีรายชื่อมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลถูกขึ้น “บัญชีดำ” ทั่วประเทศถึง 6,000 ราย แบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ อาทิ อดีตนายทหาร-นายตำรวจ นักการเมืองระดับชาติ และนักการเมืองท้องถิ่น หัวคะแนนต่างๆ แต่กลุ่มที่ถูกจับตามองมากที่สุดและหนาวร้อนๆมากที่สุด น่าจะเป็นกลุ่ม “นักการเมืองระดับชาติ”

 

“คมชัดลึกออนไลน์” จึงได้รวบรวมข้อมูลการปิดล้อม ตรวจค้นในพื้นที่ต่างๆของเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ที่ได้ปฎิบัติการตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลขอรัฐบาล ที่เป็นข่าวใหญ่โตเพราะแต่ละคนล้วนแล้วแต่ เป็นนักการเมืองระดับชาติ ซึ่งเป็นทั้งอดีตส.ส.เป็นทั้งอดีตรัฐมนตรี

 

เช้าตรู่ของวันที่ 3 พ.ค. 2559 กองกำลัง 3 ฝ่าย  “ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง” กว่า 300 คน เข้าปฏิบัติการ “นครปฐมร่มเย็น” ในพื้นที่ จ.นครปฐม เข้าตรวจค้นบ้านผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นรวม 12 จุด ซึ่งหนึ่งในนั้น คือบ้านของ “ไชยา สะสมทรัพย์” อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ภายในบ้านพบอาวุธปืน นกหลายชนิด เต่า สัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าสงวน

 

จากนั้นได้เข้าตรวจสอบบ้านพัก 3 หลังของตระกูล “สะสมทรัพย์” พบ “เผดิมชัย สะสมทรัพย์” อดีตรมว.แรงงาน และ “อนุชา สะสมทรัพย์” อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยและครอบครัว โดยพบอาวุธปืนจำนวนมาก กว่า 70 กระบอก ซึ่งส่วนใหญ่มีเอกสารถูกต้อง

โดย“เผดิมชัย” พี่คนโตตระกูลสะสมทรัพย์ ชี้แจงว่า การเข้าค้นของทหาร ตำรวจและปกครองครั้งนี้มองว่าเป็นความผิดพลาดของข่าวกรอง หากงานข่าวกรองยังทำงานแบบนี้ต่อไปจะไม่มีคนดีของแผ่นดิน ขณะนี้ที่นายอนุชา ยืนยันว่า ปืนทั้งหมดเป็นของสะสมตั้งแต่ยังหนุ่ม อย่ามองอย่าพูดว่านี่คือคลังแสงคลังอาวุธ

ต่อมาเช้ามืด 23 มี.ค. 2560 ปฎิบัติการ “ไพร่ฟ้าหน้าใสอุทัยธานี” ตำรวจ-ทหาร- ฝ่ายปกครอง ร่วมกันปิดล้อม ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ จ.อุทัยธานี กว่า 30 จุด ซึ่งในนั้น คือบ้านของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” อดีตส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งผลการตรวจค้นพบลูกซอง 5 นัด ซึ่งจากข้อมูล 

  

การเข้าตรวจค้นบ้านของนายชาดา ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะช่วง 2-3 ปี บ้านของนายชาดา ถูกเข้าตรวจค้นมาแล้ว 3 ครั้ง

ตั้งแต่ 23 ก.ค.2558 ตามยุทธการ “สะแกกรัง” แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ เจ้าหน้าที่เพียงแต่ ได้นำรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์บีเอ็มดับเบิลยู ที่พบในบ้านไปตรวจสอบเท่านั้นและมีการตรจค้นอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 12 เม.ย.59 อีกตามลำดับก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด

 

ล่าสุดวันที่ 27 พ.ค. 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกค้นขบวนรถยนต์ของนายชาดา รวม 8 คัน ค้นรถยนต์ทั้งหมดได้ปืนพก 6 กระบอก ซึ่งการตรวจค้นทุกครั้งเจ้าหน้าที่ระบุว่า ตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล

 

ด้าน “ชาดา” ยืนยันว่า ที่เจ้าหน้าที่ชื่อขึ้นบัญชีดำว่า เป็นผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟีย เจ้าตัวไม่ทราบเรื่องนี้และมีชื่อไปปรากฏได้อย่างไร อยากให้กลุ่มคนไม่หวังดี หยุดให้ข่าวมั่ว ส่วนเจ้าหน้าที่จะทำอะไรก็ทำตามหน้าที่ ส่วนตนก็ทำมาหากินตามปกติ ทำตัวตามปกติ และเรื่องปล่อยเงินกู้ ตนไม่เกี่ยวข้อง เพราะตามหลักศาสนาอิสลาม เรื่องนี้เป็นเรื่องความผิด เป็นบาปที่ร้ายแรง

เย็นวันเดียวกัน 27 พ.ค. 2560 ที่จังหวัดลพบุรี ได้มีกำลังทหารไม่ทราบสังกัด ในเครื่องแบบอาวุธครบมือ กว่า 30 นาย บุกเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้าน “สุชาติ ลายน้ำเงิน” อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งระบุว่า เป็นทหารมาจากกรุงเทพมหานครและในนามของคสช. ซึ่งจากการตรวจค้น ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ หรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด 

ในส่วนของ“สุชาติ” เองก็เคยถูกทหารเข้าตรวจค้นมาแล้วก่อนหน้าที่ ซึ่งครั้งนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ทหารที่ระบุว่ามาจากกรุงเทพมหาครกว่า 30 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นเช่นกัน ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งจากรายงานของหน่วยงานความมั่นคงก็ปรากฎชื่อของเขาว่าเป็นผู้มีอิทธิพลเช่นกัน แต่“สุชาติ” เอง ก็ยืนยันว่า ตนเองไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟีย เพราะการตรวจค้นแต่ละครั้งก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายหรือสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด

 

ล่าสุด 7 มิ.ย.60 ที่จังหวัดตาก เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ รวมกว่า 50 นาย เข้าปิดล้อมบ้าน “ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและอดีตส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้กำลังส่วนหนึ่งคุมด้านหน้าบ้านและบริเวณถนนเป็นแนวยาว และใช้เชือกกั้นห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป ซึ่งจากการเข้าไปตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ โดยเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่า เป็นไปตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล

 

“ชัยวุฒิ” ระบุว่ารู้สึกแปลกใจ เพราะไม่ทราบสาเหตุที่ทหารเข้าค้นบ้าน เพราะไม่มีสิ่งผิดกฎหมายใดๆปราศจากยาเสพติด คงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพียงแค่แปลกใจที่อยู่ๆทหารมาค้นบ้านตนในช่วงที่ตนไปต่างประเทศเท่านั้น

 

จากวันนั้นถึงวันนี้ เวลาผ่านมาเกือบ 2 ปี นโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟีย ไม่มีใครให้คำตอบกับเราได้ว่า ประสบความสำเร็จหรือทำสำเร็จหรือไม่ คนที่จะรู้คำตอบนี้ดีที่สุด คือ ประชาชน ว่าจริงๆแล้ว ผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟีย น้อยลง มากขึ้น เพียงใด และนโยบายนี้ถือว่าได้ประโยชน์สองต่อในเรื่องการเมืองด้วยหรือไม่ 

--------

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ