คอลัมนิสต์

ถอดรหัส บึ้ม รพ.พระมงกุฎฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ

     การระเบิด “โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า” เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แม้โดยมากจะมองว่า การกระทำครั้งนี้มีแต่เสียกับเสีย เพราะกระทำต่อผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะกับเป้าหมายที่ละเอียดอ่อนอย่างโรงพยาบาล แต่เอาเข้าจริงแล้ว สำหรับผู้ก่อเหตุย่อมเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับ

     คำกล่าวที่ว่า  “หากจะดูว่าใครก่อเหตุ ต้องดูว่าใครได้ประโยชน์จากเหตุนั้น” ยังใช้ได้อยู่เสมอในการสืบเสาะหาตัวผู้กระทำการต่างๆ เพราะผลประโยชน์ที่จะได้ย่อมถือเป็นแรงจูงใจ และเป็นมูลเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น 

     การระเบิดครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ฝุ่นควันยังตลบไม่ทันจาง เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ หลักฐานที่ได้ก็ยังไม่ครบ การฟันธงว่ากลุ่มใดเป็นคนทำก็เป็นเรื่องยาก

     แต่สิ่งที่เราสรุปได้ในตอนนี้ คือ 1.การกระทำเป็นการก่อเหตุในวันที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญ คือ วันครบรอบ 3 ปี ของการยึดอำนาจ 2.สถานที่เกิดเหตุ ็ส่อให้เห็นถึงนัยสำคัญเช่นกัน คือ เกิดที่โรงพยาบาลทหารอย่าง โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ และเกิดด้านหน้าห้องที่ชื่อว่า ห้อง “วงษ์สุวรรณ” ห้องซึ่งนามพ้องกับนามสกุลของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” 1 ใน “3 ป.” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค และ 3.ระเบิดที่เกิดมีความคล้ายคลึงกับเหตุที่เกิดก่อนหน้าทั้งที่หน้ากองสลาก และโรงละครแห่งชาติ กล่าวคือ เป็น “ไปป์บอมบ์” และมี “ลายเซ็น” การต่อวงจรที่คล้ายกัน ทำให้ถึงขนาดที่ ผบ.ทบ.ยืนยันว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกัน

     แน่นอนว่า ทั้งวัน เวลา สถานที่ และรูปแบบของระเบิด ทำให้มองเป็นประเด็นอย่างอื่นยาก นอกจากว่าเป็นความพยายามที่เกี่ยวพันกับการเมือง แต่ผลทางการเมืองแบบไหนเล่า ที่ผู้ก่อเหตุต้องการ เราลองมาถอดรหัสจากผลที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเสียงระเบิด ซึ่งอาจจะทำให้มองเห็นคนได้ประโยชน์และคนก่อเหตุแบบรางๆ

      1.การแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และการไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล และเลยเถิดไปถึงการประกาศตัวอยู่ตรงข้ามรัฐบาล โดยอาจจะมีคนบางกลุ่มฮึกเหิมจากปฏิบัติการครั้งนี้ แน่นอนว่ากลุ่มฮาร์ดคอร์บางคนถึงกับปรบมือโห่ร้องแสดงความยินดี หลายคนหวังว่านี่จะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการต่อต้านรัฐบาลอย่างจริงจัง หลังจากที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลมาเป็นเวลานาน ซ้ำยังถูกกำราบปราบปรามอย่างหนักหน่วงตลอดมา

       2.การกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่ามีความคิดอันเป็นอันตรายต่อสถาบัน  ซึ่งเหตุการณ์ทั้งสองเหตุก็ถูกจัดกลุ่มให้น่าเชื่อว่าเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ ประกอบกับสัญญาณจากรัฐบาลที่เอาจริงกับคนกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น ทางโลกจริงและโลกออนไลน์    ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่า จากนี้อาจจะมีการจัดการกับคนกลุ่มนี้อย่างรวดเร็วและรุนแรง และอาจเป็นปฏิบัติการครั้งใหญ่ โดยอาศัยมูลเหตุจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นปัจจัยสำคัญ

     3.ผลอีกด้านที่ตามมา คือ มีคนบางกลุ่ม แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้ประเทศแม้จะดูเหมือนสงบ แต่ก็ยังมีความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้น และที่สำคัญยังไม่สงบจนกระทบกับความมั่นคงมากขึ้น จึงสมควรที่จะให้รัฐบาลอยู่ต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่เป็นช่วงขาลงของรัฐบาลและนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งแม้จะยังอีกยาวไกลก็ตามที   บอกได้ว่าเสียงเรียกร้องให้ “ลุงตู่อยู่ต่อ” เริ่มดังมากขึ้น 

     4.การประกาศศักดาของขบวนการก่อเหตุทางภาคใต้  ไม่สามารถตัดทิ้งได้ เพราะที่ผ่านมามีการก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องชนิดเป็นซีรีส์ ทั้งเหตุการณ์ยิงรถนักเรียนที่ อ.รือเสาะ  หรือการระเบิดบิ๊กซีปัตตานี แต่หากตัดสินจากผลที่จะได้และแรงจูงใจ  เรื่องนี้อาจเป็นไปได้ยาก เพราะไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ก่อเหตุอันที่ไม่เชื่อมโยงต่อการแสดงให้เห็นเจตนาของกลุ่มก่อการ หรือรูปแบบของระเบิดที่ยังมีความต่าง

     5.การลดความน่าเชื่อถือของใครบางคน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการคุมกำลัง หรือการดูแลรักษาความปลอดภัย    เหตุที่เกิดขึ้นนี้แน่นอนว่าคำถามย่อมต้องพุ่งเป้าไปที่ผู้มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย  โดยเฉพาะคำถามที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการทำงาน   จึงไม่แปลกที่หากหลังจากนี้จะมีการปรับ หรือเปลี่ยนตัวผู้มีหน้าที่ เพราะการเกิดเหตุเช่นนี้ย่อมทำให้ถูกมองว่าจุดแข็งของ คสช.เรื่องการดูแลความมั่นคงได้รับผลกระทบโดยตรง   ซึ่งข้อสันนิษฐานนี้อาจมองได้ไปถึงความขัดแย้งในกลุ่มขั้วอำนาจ 

     ไม่ว่าจะเป็นไปในทางใดก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ชัดว่าใครเป็นคนทำ เพราะการฟันธงในช่วงฝุ่นตลบก็เหมือนกับการงมหาของทั้งๆ ที่ปิดตา แต่หากรอให้ฝุ่นที่ตลบอยู่จางลงเสียก่อนเราก็จะเห็นอะไรได้ชัดขึ้น หลายอย่างที่ว่าแน่ๆ  อาจเป็นเพียงเรื่อง “ลับ ลวง พราง”  การดึงประเด็น การชี้เป้า อาจเป็นเพียงยุทธวิธีหนึ่ง 

     แต่ผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว  จะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า “ใคร” เป็นผู้กระทำได้ชัดเจนที่สุด หรือสิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เกิดแต่เรื่องเดียว หากเป็นการจับมือกันของหลายเหตุผลและหลายแรงจูงใจก็เป็นได้ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ