คอลัมนิสต์

“ลุงตู่”จงใจลอยแพ...องค์การค้า???

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 เพียงหนึ่งวัน“ลุงตู่”พล.อ. ประยุทธฺ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดเจน ผ่านถ้อยแถลงของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

         ถ้อยแถลงของ "พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า"หนังสือยืมเรียนไม่ขัดรัฐธรรมนูณแถมยังช่วยรัฐประหยัดงบประมาณได้ถึงปีละ1,513 ล้านบาท"

           "นายกฯได้กำชับไปยังกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ให้เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับพ่อแม่ผู้ปกครองและพี่น้องประชาชน ถึงแนวคิดการให้ยืมหนังสือเรียนแทนการแจกหนังสือให้แก่เด็กทุกคน ตามนโยบายเรียนฟรีเรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ว่าวันนี้คนไทยควรปรับวิธีคิดใหม่โดยมองว่าจะช่วยเหลือประเทศชาติได้อย่างไร ไม่ใช่รอรับการสนับสนุนแต่เพียงอย่างเดียว"

         แนวคิด“หนังสือยืมเรียน”ของ“ลุงตู่”ย้ำชัดว่า"ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ" เพราะนักเรียนยังเรียนฟรีเช่นเดิม หนังสือที่จะให้เด็กยืมเรียนนั้น จะต้องอยู่ในสภาพดีร้อยละ 70-80 ส่วนใดที่เสียหายก็จะซื้อทดแทนให้ใหม่ และหากวิชาใดมีการปรับปรุงเนื้อหา ก็ต้องจัดหาให้ใหม่ นักเรียนสามารถจดประเด็นสำคัญลงไปในหนังสือได้เหมือนเดิม ส่วนแบบฝึกหัดแจกฟรีไม่เรียกคืน

          เด็กทุกคนนำหนังสือติดตัวกลับไปบ้านได้ตามปกติ แต่เมื่อสิ้นสุดปีการศึกษาต้องนำกลับไปคืนโรงเรียน เพื่อส่งต่อให้แก่นักเรียนรุ่นถัดไป เป็นการฝึกวินัยและการคำนึงถึงผู้อื่น เช่นเดียวกับสิงคโปร์และเวียดนาม

         “ในแต่ละปีมีหนังสือเรียนสภาพดีและใช้งานได้อีกกว่าร้อยละ30 ซึ่งหากนำกลับมาใช้ประโยชน์ต่อ จะช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศได้ถึงปีละ1,513 ล้านบาท”

       “หนังสือยืมเรียน” หน้าฉาก“ลุงตู่”ตอกย้ำว่า“ประหยัดงบประมาณแผ่นดิน” แต่หลังฉากมีมีอะไรซุกซ่อนอยู่มากมาย!!!

       ปฏิเสธไม่ได้ว่า “องค์การค้า”ของ“สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสติการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา” หรือ สกสค. มีภารกิจหลักในการ“ถ่วงดุล”ราคาหนังสือเรียนแบบเรียน มีลิขสิทธิ์ 3 กลุ่มสาระวิชาหลัก คือ วิชาคณิตศาสตร์  วิชาวิทยาศาสตร์ และวิชาภาษาไทย     

       ที่ประชุมบอร์ดองค์การค้าของสกสค.ได้รายงานผลประกอบการ ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2553-เมษายน ปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจำหน่ายหนังสือแบบเรียนมากที่สุด พบว่า จำนวนยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่ในปี 2553 มียอดขายเพียง 1,063 ล้านบาท ปี 2554 ยอดขาย 1,512 ล้านบาท ปี 2555 ยอดขาย 1,587 ล้านบาท

       นายสมมาตร์  มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้า ตั้งแต่ปี 2556-2558 ปรากฏว่ายอดจำหน่ายสูงต่อเนื่อง ปี 2556 ยอดขาย 1,427 ล้านบาท  มียอดขายสูงถึง 2,039 ล้านบาท  และปี 2558  ยอดขายสูงสุด 3,500 ล้านบาท

   

       ทั้งนี้ ที่ผ่านมาองค์การค้าฯ มีสภาพขาดทุนตลอด แต่จากตัวเลขยอดขายที่รายงานเข้ามาถือว่าสถานะทางการเงินดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานองค์การค้า ที่มีกว่า 2,000 คน (เงินเดือนละ 60 ล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ย)ได้ตามปกติ จะไม่เกิดปัญหาเหมือนเดิมอีกอย่างแน่นอน

“ลุงตู่”จงใจลอยแพ...องค์การค้า???

         ทว่า  องค์การค้า ยุค“ ดร.สุเทพ  ชิตยวงษ์” รับหน้าเสื่อ“คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)”เข้ามาปฏิบัติหน้าที่“ผอ.องค์การค้าฯ”เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ท่วม ่ปรากฏว่ามีรายได้จากการจำหน่ายหนังสือแบบเรียนปี 2559 พุ่งสูง 2,600 ล้านบาท และยอดลดลงในยุค “ดร.พิษณุ  ตุลสุข” ในปี 2560 อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท

       ขณะที่ภาระหนี้สินภาพรวมในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 6,009 ล้านบาท จากปี 2558 ซึ่งมีหนี้สินรวม 5,000 ล้านบาท เนื่องจากคำสั่งศาลฎีกาให้องค์การค้าของ สกสค. ต้องจ่ายเงินค้างจ่ายให้แก่พนักงาน จำนวน 1,210 ล้านบาท

“ลุงตู่”จงใจลอยแพ...องค์การค้า???

       ว่ากันว่า“องค์การค้า” มีส่วนแบ่งในตลาดหนังสือแบบเรียนสูงถีงร้อยละ 50 หรือ 3,000 ล้านบาท จากภาพรวมธุรกิจหนังสือเรียนในตลาดทั้งหมด 6,000 ล้านบาท  

       หากเป็นสภาวะปกติ 4 เดือนหลังเปิดเทอม “องค์การค้า” และภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียน ต้องประเมินคู่ค้า จำนวนยอดหนังสือที่ต้องจัดพิมพ์ เพื่อจัดพิมพ์ให้เพียงพอต่อจำนวนนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน(อนุบาล1-ม.6) เช่นเดียว กับ“องค์การค้า”

       เหนืออื่นใด แนวคืด“หนังสือยืมเรียน”ของ“ลุงตู่”กำลังส่งสัญญาณร้าย!! ถึงพนักงานองค์การค้ากว่า 2,000 คน และพนักงานสำนักพิมพ์หนังสือแบบเรียนในระบบธุรกิจขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ทั่วประเทศ อีกเกือบ 20,000 คน อาจจะต้องถูกลอยแพ!!

         ฤาว่า"หนังสือยืมเรียน"ลุงตู่"จงใจลอยแพ..."องค์การค้า"??? เพื่อแลกประหยัดงบฯ1,513 ล้านบาท

        0 กมลทิพย์ ใบเงิน 0 รายงาน

        [email protected]

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ