ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานีโทรทัศน์ พีพีทีวี ได้นำเสนอ บันทึกข้อเท็จจริงและการรับทราบข้อกล่าวหา การเสียชีวิตของ "พลทหารเบนซ์" หรือ พลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม ทหารเกณฑ์ค่ายวิภาวดีรังสิต จังหวัดสุราษฎร์ธานีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่ามาจากสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี โดยลำดับเหตุการณ์ว่า
วันที่ 27 มีนาคม พลทหารยุทธกินันท์ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ในเวลา 10.00น. ต่อมาเลา 12.40น. ร้อยโทฐิติกานต์ เวชสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้บังคับการเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 45 ได้เรียกพลทหารยุทธกินันท์เข้าไปพบในห้อง หลังออกจากห้องพลทหารยุทธกินันท์มีบาดแผลถูกตีด้วยไม้ไผ่ 2 แผล และถูกนำตัวไปใส่โซ่ตรวน
โดยระบุว่าหากความผิดของพลยุทธกินันท์ เกิดจากความไม่พอใจของนักโทษที่อยู่ร่วมกัน จะต้องเกิดขึ้นภายในกว่า 2 ชั่วโมงนี้
จากนั้นเวลา 01.15น. ของวันที่ 28 มีนาคม พลทหารยุทธกินันท์ถูกซ้อมโดย สิบเวร คือ สิบเอกสุรเชษฐ พรหมมาศ กับพวกคือผู้ต้องขังในเรือนจำ พร้อมถอดเสื้อและกางเกงของพลทหารยุทธกินันท์ และใช้เสื้อกับสิ่งของที่คาดว่าเป็นกางและผ้าขาวม้า ผูกคอผู้ตายติดกับคานลูกกรง ดึงขึ้นลง และยังใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วเจาะรูขนาดเล็กคลุมศีรษะผู้ตาย 1 นาที เพื่อให้ผู้ตายหายใจแบบทรมาน
จากนั้นได้หยุดซ้อมในเวลา 02.00น. แต่ยังมัด พลททหารยุทธกินันท์ติดกับลูกกรง
ต่อมาเวลา 02.20น. สิบเอกสุรเชษฐ กับ ผู้ช่วยสิบเวรคือ พลทหารภูวเดช ธนายุทธภูมิ และผู้ต้องขังในเรือนจำ กลับมารุมทำร้ายพลทหารยุทธกินันท์อีก และได้ใช้เหล็กตีระฆังบอกเวลาตีศีรษะผู้ตายแบบย้ำๆ จากนั้นใช้ผ้าขาวม้าผูกขาและนำตัวไปแขวนบนขื่อลูกกรงในลักษณหัวห้อยลง จนถึงเวลา 06.00น. จึงปลดตัวผู้ตายลง
เวลา 08.40น. ร้อยโทฐิติกานต์กลับเข้ามาทำงาน เห็นพลทหารยุทธกินันท์อยู่ในสภาพนอนฟุบและมีบาดแผลเต็มร่างกาย แต่กลับไม่ทำรายงานส่งตัวพลทหารยุทธกินันท์ไปโรงพยาบาล แต่สั่งให้ผู้ช่วยสิบเวรพยุงผู้ตายขึ้นและใช้ไม้ไผ่ตีอีก 2 ครั้ง ก่อนให้กินยาดำซึ่งเป็นยาแผนโบราณแก้ช้ำใน และสั่งให้นำตัวผู้ตายไปคลุมผ้าตาดแดด ถ่ายภาพ ก่อนจะทำเช่นเดียวกันกับผู้ตายอีกครั้ง ในวันต่อมา คือ 29 มีนาคม ด้วย
วันที 31 มี.ค.พลทหารยุทธกินันท์มีอาการหนักมาก จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิต จากภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย ภาวะเลือกเป็นกรดและไตวาย
โดยนายทหารที่มีชื่อปรากฎว่าเป็นผู้สั่งการและรุมทำร้ายพลทหารยุทธกินันท์ ได้เซ็นต์รับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งผู้เสียหายทุกคนปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา