คอลัมนิสต์

“ลาหู่” ชาติพันธุ์ ถูกตีตรา “ยาเสพติด”??

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ด้วยที่ตั้งชุมชนอยู่ตามตะเข็บชายแดนที่มิอาจเลือกได้ ชาติพันธุ์ต่างๆ มักถูกเหมารวมเรื่องการค้ายาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ลาหู่" และบ้านเกิด จะอุ๊-ชัยภูมิ ป่าแส

           กระแสข่าว จะอุ๊-ชัยภูมิ ป่าแส เด็กหนุ่มนักกิจกรรมเพื่อสังคมชาติพันธุ์ลาหู่ถูกวิสามัญเป็นมาหลายวัน ยังไม่มีคำตอบชัดเจน ขณะที่ภาครัฐไม่เพียงมีความพยายามหาหลักฐานมายืนยันความชอบธรรมในการวิสามัญแล้ว ยังเผยข้อมูลที่มีแนวโน้มว่าเด็กหนุ่มลาหู่คนนี้ไม่ผิดตัวแน่ๆ ในการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

“ชาติพันธุ์กับยาเสพติด” เป็นพลอตเรื่องที่เป็นมายาวนาน โดยเฉพาะ “ลาหู่” ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ตามตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมาร์

การตายของ จะอุ๊-ชัยภูมิ ไม่ใช่ชาติพันธุ์ลาหู่ที่ถูกวิสามัญคนแรก และอาจจะไม่ใช่คนสุดท้าย!เช่นเดียวกัน!

ชาติพันธุ์ลาหู่ (Lahu) มีความเป็นมายาวนานหลายพันปี จากจีนไล่ร่นอพยพลงมาที่เชียงตุง เมียนมาร์ ก่อนอพยพมายังประเทศไทย ราว พ.ศ.2423 อยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย โดยตั้งรกรากที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เป็นแห่งแรก ลาหู่เป็นที่รู้จักอีกชื่อหนึ่งคือ “มูเซอ” และมีการแบ่งกลุ่มย่อยหลายกลุ่มอาทิเช่น ลาหู่นะ, ลาหู่ญี, ลาหู่แซแล้, ลาหู่เหลือง, ลาหู่ลาบา ฯลฯ จากนั้นกระจายไปหลายจังหวัด ทั้ง เชียงราย, แม่ฮ่องสอน และลำปาง โดยเฉพาะตามพื้นที่ติดชายแดนไทย-เมียนมาร์

ลาหู่เป็นชนเผ่ามีวิถีชีวิตเรียบง่ายไม่ชอบความวุ่นวาย ยังชีพด้วยการปลูกข้าว และข้าวโพด ด้านความเชื่อลาหูนับถือผีและบรรพบุรุษ มีพิธีกรรมของตัวเอง เช่น ประเพณีฉลองปีใหม่ (เขาะเจ๊าเว) จัดขึ้นหลังช่วงต้นปีหลังเก็บเกี่ยวพืชผลแล้วแต่ละหมู่บ้านจัดไม่ตรงกัน นอกจากนี้ก็มีประเพณีแซก่อ (ก่อทราย) จัดขึ้นทุกวันที่ 14 เมษายนของทุกปี และมีการรวมตัวกันจัดงานวันชาติพันธุ์ด้วย อย่างที่อ.ปางมะผ้า ทางจังหวัดได้จัดงานประเพณีสืบสานวัฒนธรรมชนเผ่าชนลาหู มาแล้วหลายปี

โดยลูกหลานชนเผ่าลาหู่ที่ก้าวไปเป็นนักแสดงคนหนึ่ง ก็คือ ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส นักแสดงสาวช่อง 3 ที่เติบโตจากดอยปู่หมื่น อ.ฝาง

อย่างไรก็ตาม แม้ชนชาติพันธุ์ลาหู่ส่วนใหญ่เกิดประเทศไทยและพูดภาษาไทยได้ แต่ก็มีส่วนหนึ่งยังตกสำรวจไม่ได้รับสัญชาติไทย โดยคงถือ “บัตรหมายเลขศูนย์” อยู่ ทำให้ไปไหนมาไหนลำบาก หรือจะไปไหนแต่ละทีก็ต้องขอหนังสืออนุญาตออกนอกพื้นที่เสียก่อน ส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานด้วยที่ต้องอยู่ในพื้นที่ ไม่สามารถโยกย้ายหรืออพยพไปอยู่จังหวัดอื่นได้ จนกว่าจะได้รับบัตรประชาชน

หรือกระทั่งบางรายที่มีบัตรประชาชนและได้รับสัญชาติไทยแล้ว ก็ยังตกอยู่ในวังวนของ “ทัศนคติ” ที่มองว่าชาติพันธุ์คือ “ชนกลุ่มน้อย” หรือ “คนต่างด้าว” ในสายตาของเจ้าหน้าที่รัฐไทยเสมอมา

จากทางเลือกชีวิตที่มีไม่มากนัก จึงอยู่ในถิ่นฐานเดิมต่อไป นั่นคือบริเวณตะเข็บชายแดน ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ภาครัฐเพ่งเล็งเป็นพิเศษว่าเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติ ตั้งแต่บริเวณ อ.แม่อาย, อ.ฝาง, อ.ชัยปราการ และอ.เชียงดาว ใน จ.เชียงใหม่ รวมทั้ง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อเกิดการปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ชาติพันธุ์ลาหู่จึงได้รับผลกระทบมากที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชุมชนกองบางปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่อยู่ห่างจากชายแดนไทย-เมียนมาร์ไม่กี่กิโลเมตร ชาวบ้านสามารถเดินเท้าไปถึงได้ ผ่านเข้าออกที่จุดผ่อนปรนกิ่วผาวอก ที่บ้านอรุโณทัย ไปยังเมืองหาง และเมืองต่วน ได้

และที่ ต.เมืองนะ มีด่านตรวจยาเสพด้วย ชื่อ “ด่านรินหลวง” เป็นด่านถาวร มี ทหาร ฉก.ม.5 คอยตรวจจับยาเสพติดเป็นประจำอยู่แล้ว ชาวบ้านที่ผ่านไปมาจึงถูกตรวจค้นเสมอ เช่นเดียวกับจังหวัดที่ติดตะเข็บชายแดนจังหวัดอื่นๆ

เพียงแต่ที่ ต.เมืองนะ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และเป็นมากว่า 15 ปีแล้ว

โดยเริ่มมาตั้งแต่ช่วงปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร มีคนเสียชีวิตไปกว่า 3 พันราย ครึ่งหนึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบขนถ่ายยาเสพติดแต่อย่างใด แต่ต้องได้รับผลกระทบจากปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ และในจำนวนนั้นมีชาวลาหู่อยู่ด้วย

นับแต่นั้นมามีชาวบ้านหายสาบสูญโดยไม่ทราบสาเหตุ ถูกจับ และวิสามัญ อย่างเช่นสองวันก่อนหน้าที่ จะอุ๊-ชัยภูมิ ถูกวิสามัญ ก็มีชาวลีซูคนหนึ่งถูกวิสามัญ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่ามีเฮโรอีน, อาวุธระเบิด และงต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ ซึ่งในมือมีระเบิดเช่นเดียวกัน และแม้กระทั่ง สีละ จะแฮ นายกสมาคมลาหู่ ผู้รณรงค์การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้แก่ชนเผ่าลาหู่และชาวเขาชนกลุ่มน้อยเผ่าอื่นๆ ก็ถูกจับไปทรมารด้วยเช่นกัน ล้วนแล้วเป็นการปฏิบัติไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ทั้งสิ้น กระทั่งพูดกันว่า การถูกตรวจค้นบ้านและการถูกยึดของมีค่ากลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะชาวลาหู่ส่วนใหญ่อ่านไม่ออกเขียนภาษาไทยไม่ได้จึงไม่ได้นำเงินไปฝากธนาคาร แต่เก็บไว้ที่บ้านแทน เมื่อถูกตรวจค้นจึงถูกยึดไปด้วย

ลาหู่ที่กองบางปิ้งตกอยู่ในชะตากรรมนั้นเสมอมา นอกจากเรื่องการปราบปรามยาเสพติดที่ประชิดตัวแล้ว ยังมีปัญหาเรื่อง “คืนพื้นที่ป่า” อีกด้วย เนื่องจาก ต.เมืองนะ เป็นพื้นที่ต้นน้ำแม่ปิง เมื่อถูกมองว่าเป็นผู้มีส่วนทำลายต้นน้ำอันอุดมสมบูรณ์โดยการปลูกข้าวโพด ทำให้ กรมป่าไม้ เข้มงวดการใช้พื้นที่ป่าสงวนขึ้นมาทันที พื้นที่ทำมาหากินจึงลดน้อยลงด้วย ครั้นจะออกไปทำงานนอกพื้นที่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

นับวันจึงอยู่ยากขึ้นทุกที จากชะตากรรมเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ ลาหู่ เป็นชาติพันธุ์ที่ถูกรัฐไทยมองไปในทิศทางเดียว และ “ฟันธง” หากเห็นว่ามีใครไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะอุ๊-ชัยภูมิ

“...เราคิดหลักพื้นฐาน เด็กคนหนึ่งที่ไม่ทำอะไรเลย ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง” พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว

จากคำกล่าวเช่นนี้ สะท้อนทัศนคติและมุมมองอย่างชัดเจน ชะตากรรมชาติพันธุ์ลาหู่นับจากนี้ไป น่าห่วงยิ่งนัก บางที จะอุ๊-ชัยภูมิ อาจจะไม่ใช่ชาติพันธุ์ลาหู่ศพสุดท้ายก็เป็นได้!!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ