คอลัมนิสต์

อิทธิพลแทรก? คดีเศรษฐินีตายปริศนาพลิก!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ครอบครัวของนางลิน ลิน ยังพบหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่เชื่อว่านางลิน ลิน ล่วงรู้ความลับนี้ จึงทำให้นายลิน ยู วางแผนฆาตกรรมอำพรางภรรยาตัวเองอีกคน"

     มาตามกันต่อถึงประเด็นฆาตกรรมเศรษฐินีชาวจีนบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งผู้เป็นสามีของเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากในวันเกิดเหตุทั้งคู่อยู่กันตามลำพังในบ้านพักตากอากาศหรู

      เมื่อวาน “คม ชัด ลึก” ได้ย้อนรอยคดีและเปิดพิรุธหลายประเด็นไปแล้ว วันนี้มาดูจุดพลิกผันของคดีว่าอยู่ตรงไหน เหตุใดคดีจึงถูกดึงไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และสุดท้ายทำความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จนคดีไปไม่ถึงศาล

     ย้อนกลับไปที่การสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ สภ.เกาะสมุย ในช่วงหลังเกิดเหตุราวต้นปี 2556 พนักงานสอบสวนเชื่อว่า นายลิน ยู สามี คือผู้ที่ลงมือฆ่า นางลิน ลิน ภรรยาของตัวเอง จนสามารถขออำนาจศาลจังหวัดเกาะสมุยออกหมายจับนายลิน ยู ในข้อหาฆ่าผู้อื่น และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวอีกด้วย

     การสืบสวนสอบสวนยังคงเดินหน้าต่อไป แต่หลังจากศาลออกหมายจับนายลิน ยู เพียง 1 สัปดาห์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีบอกว่า มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานรัฐรวม 5 หน่วยงานลงพื้นที่มายัง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อสอบถามการทำสำนวนในคดีนี้ โดยไม่ประสานมาก่อนล่วงหน้า จากนั้นก็พยายามเข้ามาแทรกแซงการทำคดี และแก้ต่างให้แก่ฝ่ายผู้ต้องหา

      พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ร่วมลงพื้นที่เกาะสมุยในช่วงนั้น อธิบายว่า สาเหตุที่เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางลงพื้นที่ไปหาข้อมูลในคดีนี้ เกิดจากการที่ นายลิน ยู พร้อมทนายความเข้ามาร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม หรือ ป.ป.ท. ให้ตรวจสอบการทำคดีของ สภ.เกาะสมุย เนื่องจากอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

     ข้อมูลจากฝ่ายที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบระบุว่า หลังจากทีม ป.ป.ท.ลงพื้นที่พร้อมกับ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เพื่อหาข้อมูล ปรากฏว่าได้พบความหละหลวมจากการทำงานของชุดคลี่คลายคดีชุดแรกในหลายประเด็น

     ประเด็นแรก การตรวจสถานที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ไม่ได้กระทำในทันที ไม่มีการกั้นพื้นที่เกิดเหตุ ทำให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณจุดเกิดเหตุได้ ซึ่งนั่นเป็นการทำลายวัตถุพยานจนเกิดความเสียหาย

      ประเด็นที่สอง แพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยาที่ชันสูตรพลิกศพ ไม่สามารถระบุเวลาการตายที่แน่ชัดได้

    และประเด็นสุดท้าย คือชุดที่ผู้ตายสวมใส่ เป็นชุดเล่นโยคะ แม้อาจเป็นฆาตกรรมอำพราง แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ

     หลังจากทีม ป.ป.ท.ลงพื้นที่วิเคราะห์คดีเสร็จสิ้น ต่อมาในวันที่ 24 เมษายน 2556 ได้มีการโอนคดีไปให้กองบังคับการปราบปรามรับผิดชอบ โดยพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ดึงสำนวนสอบสวนมาทำแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ร่วมทำคดีกับ สภ.เกาะสมุย

     ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากฝ่ายผู้ต้องหาคือ นายลิน ยู ร้องเรียนไปยังกองบังคับการปราบปราม ทำให้ฝ่ายครอบครัวของนางลิน ลิน ยื่นร้องเรียนไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอนุกรรมาธิการการตำรวจของวุฒิสภา กระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 1 ชุด โดยมี พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา (สบ 10) ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และได้ดำเนินการตรวจสอบพยานหลักฐานร่วมกัน ทั้งกับ สภ.เกาะสมุย ตำรวจภูธรภาค 8 และกองบังคับการปราบปราม

     หลังจากนั้นไม่นาน ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในขณะนั้น ได้ลงนามอนุญาตให้นายลิน ยู สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ในระหว่างได้รับการปล่อยชั่วคราว และนายลิน ยู ก็ได้ขายทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทยทั้งหมด รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นทรัพย์สินของนางลิน ลิน ด้วย

     สุดท้ายเหลือเวลาควบคุมตัวผู้ต้องหาอีกเพียง 1 เดือน สำนวนคดีนี้ได้ถูกโอนไปอีกครั้ง คราวนี้ปลายทางอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ก่อนที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และอัยการ จะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักมากพอที่ระบุได้ว่า นายลิน ยู เป็นผู้กระทำความผิด ทำให้คดียุติลงท่ามกลางความแคลงใจของครอบครัวนางลิน ลิน

      เมื่อครอบครัวไม่เชื่อมั่นในการทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมชั้นก่อนฟ้อง จึงเดินหน้ายื่นฟ้องต่อศาลเอง กระทั่งศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้ไต่สวนมูลฟ้อง และประทับรับฟ้องไว้พิจารณา จึงกลายเป็นน้ำหนักให้กระทรวงยุติธรรมสั่งรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่ เพื่อคืนความเป็นธรรมแก่ครอบครัวนางลิน ลิน และเรียกความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมกลับคืน

      โดยข้อเท็จจริงสำคัญที่มีน้ำหนัก และถูกนำมาประกอบสำนวนในขั้นตอนนี้ คือผลการตรวจสอบประวัติของนายลิน ยู พบว่าเคยตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าอดีตภรรยาชาวสวีเดนมาแล้ว และขณะนี้คดีก็ยังเดินหน้าอยู่

     นอกจากนั้น ครอบครัวของนางลิน ลิน ยังพบหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่เชื่อว่านางลิน ลิน ล่วงรู้ความลับนี้ จึงทำให้นายลิน ยู วางแผนฆาตกรรมอำพรางภรรยาตัวเองอีกคน

     หลักฐานที่ว่านี้คือจดหมายที่เขียนด้วยลายมือเป็นภาษาจีน ซึ่ง นายลิน กัว เฮียง บิดาของนางลิน ลิน พบในบ้านพักของนายลิน ยู และนางลิน ลิน ที่เมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง เมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวชายทะเลชื่อดังทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน

     จดหมายฉบับนี้ถูกพบภายหลังจากที่นางลิน ลิน เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาในบ้านพักตากอากาศหรูบนเกาะสมุย

     สาเหตุที่จดหมายฉบับนี้กลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ทำให้ผู้เป็นพ่อเชื่อว่า นายลิน ยู ฆ่าลูกสาวของตน ก็คือข้อความในจดหมายที่เขียนเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2555 ระบุว่านายลิน ยู ได้โอนทรัพย์สินเป็นบ้านพักจำนวน 3 หลัง รวมทั้งบ้านที่ประเทศไทยให้เป็นกรรมสิทธิ์ของนางลิน ลิน โดยนายลิน ยู จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทั้งสินเชื่อและรายจ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับข้องกับบ้านทั้ง 4 หลัง เพื่อแลกกับการปกปิดความลับบางอย่าง

    แต่บิดาของนางลิน ลิน เชื่อว่าจดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นมาเพื่อหลอกให้นางลิน ลิน ตายใจ

     ความลับที่นายลิน ยู ต้องการให้ภรรยาชาวจีนปกปิดเอาไว้ บิดาของนางลิน ลิน เชื่อว่า เป็นคดีที่นายลิน ยู เคยจ้างวานฆ่าอดีตภรรยา คือ นางเวโรนิกา ลิน ชาวสวีเดน เมื่อปี 2546 แต่นางลิน ลิน กลับไปล่วงรู้ความลับนี้เข้า นายลิน ยู จึงทำทีเป็นเขียนจดหมายยกทรัพย์สินบางส่วนให้ภรรยา แล้ววางแผนพานางลิน ลิน มายังเมืองไทย เพื่อฆ่าปิดปาก เนื่องจากพบพิรุธตรงที่ทั้งคู่เดินทางมาไทยกันเพียงลำพัง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ นางลิน ลิน โทรศัพท์หาพ่อกับแม่ นัดหมายกันว่าในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556 จะมาเที่ยวเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทยด้วยกัน แต่แล้วทั้งคู่ก็เดินทางมาก่อนวันนัดหมาย คือในช่วงต้นเดือนมกราคม และเกิดการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาในที่สุด

     พฤติกรรมการจ้างวานฆ่าอดีตภรรยาของนายลิน ยู จึงถูกหยิบยกมาเชื่อมโยงกับคดีนี้ เนื่องจากครอบครัวของนางลิน ลิน เห็นว่านายลิน ยู มีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน โดยสาเหตุของการจ้างวานฆ่านางเวโรนิกา ที่ประเทศสวีเดน เมื่อ 14 ปีก่อน ทนายความของครอบครัวนางลิน ลิน เปิดเผยหลังจากได้รับข้อมูลมาจากตำรวจสวีเดนว่า เกิดจากนางเวโรนิกาพยายามขอหย่าร้าง แต่นายลิน ยู ไม่ยอม จึงจ้างวานฆ่าภรรยาของตัวเอง

     หลังจากที่นายลิน ยู ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่านางเวโรนิกา ก็ได้หลบหนีออกจากประเทศสวีเดน และมาแต่งงานกับนางลิน ลิน แต่หลังจากที่นางลิน ลิน เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา นายลิน ยู ก็เดินทางออกจากประเทศไทย กลับไปยังเมืองต้าเหลียน และเดินทางไปมาระหว่างเมืองต้าเหลียนกับประเทศอังกฤษ กระทั่งถูกจับกุมและถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสวีเดนเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

     ปัจจุบัน นายลิน ยู ยังคงได้รับการประกันตัว และไปอาศัยอยู่ที่เมืองต้าเหลียนท่ามกลางการจับตาของตำรวจจีน !

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ