คอลัมนิสต์

“ผู้การรุ่งโรจน์” ลูกพระธัมฯ ผู้หลงทาง?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รู้จัก “ผู้การรุ่งโรจน์” พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ อดีตผู้บังคับการ ส่วนตรวจราชการ 1 (ผบก.จว.อยุธยา)


               ข่าวร้อนรอบกำแพงธรรมกายช่วงดึกของคืน 26 กุมภาพันธ์ ต้องยกให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารที่ตาดีไปพบเอารถต้องสงสัยคันหนึ่ง จนกระทั่งตรวจสอบแล้วพบบุคคลรายหนึ่ง พร้อมข้าวของในรถที่มีพิรุธหลายประการ

               เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.15 น. ของคืนวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ พ.ท.โกวิท สังขนครา ผบ.ร.2 พัน 3 รอ.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ออกลาดตระเวนถนนบางขัน-หนองเสือ ซึ่งเป็นที่รกร้างใกล้สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในพื้นที่ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

               แล้วไปพบรถยนต์เก๋งส่วนบุคคล ยี่ห้อเลกซัส สีน้ำเงิน ทะเบียน ธท 5999 กรุงเทพมหานคร เลี้ยวเข้าไปในที่รกร้างข้างเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ท่าทีมีพิรุธ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ

               ที่สุดพบเข้ากับคนขับ ที่อ้างว่าขับรถหลงทางมา โดยจะไปย่านรามคำแหง แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อจึงขอตรวจค้น

               และก็ได้พบสิ่งของที่เข้าข่ายมีพิรุธอย่างมาก คือ อาวุธมีดพกจำนวน 3 เล่ม, เสื้อเกราะมีคำว่าโปลิศจำนวน 2 ตัว, โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 2 เครื่อง

               และที่น่าตกใจคือ ยังมีแผ่นกระดาษเขียนข้อความว่า นายอนวัช ธนเจริญฐัณ วีรบุรุษชาวพุทธ สละชีวิตให้เลิก ม.44 เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 60 พวกเราช่วยกันแผ่เมตตาร่วมงานศพตามศรัทธา วางอยู่ที่เบาะด้านหลัง

               จนเมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบสวนที่บก.ตชด.ภาค 1 ก็ได้ทราบว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ อายุ 73 ปี อดีตผู้บังคับการ ส่วนตรวจราชการ 1 (ผบก.จว.อยุธยา)

 

“ผู้การรุ่งโรจน์” ลูกพระธัมฯ ผู้หลงทาง?

 

               ถามว่าระดับอดีตผู้การใหญ่คนนี้มาทำอะไรแถวนี้ เจ้าตัวอาจตอบแบบเดิมว่า “หลงทางมา”

               แต่ในเมื่อของกลางต่างๆ ดูน่าสงสัยขนาดนี้ แน่นอนว่า เจ้าหน้าที่จะยังไม่ให้ประกันออกไปง่ายๆ เนื่องจากมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ ที่พบเสื้อเกราะไว้ในครอบครอง 2 ตัวด้วยกัน

               โดยหลังจากนี้ เขาจะต้องผ่านการรวบรวมพยานหลักฐานและพยานแวดล้อม ซึ่งอาจจะมีการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา 44

               อย่างไรก็ดี ถึงนาทีนี้ หลายคนอยากรู้ว่าอดีตผู้การรายนี้เป็นใคร และไปไงมาไงถึงไปโดนจับเข้า

               เรื่องนี้มุมหนึ่ง น่าจะคาดเดาได้ไม่ยาก เพราะตามรายงานที่ว่า พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ และภรรยา มีความศรัทธาและเลื่อมใสวัดพระธรรมกายเป็นอย่างมาก ดังนั้นการไปทำลับๆ ล่อๆ แถวนั้น ก็คงจะมีจุดประสงค์บางอย่าง

               แต่หากไล่ดูตามประวัติแล้ว ยังพบว่า พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ หรือผู้การรุ่งโรจน์ที่คนรู้จักเรียกขานนั้น มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคของคนหน้าเหลี่ยม อีกด้วย

               เพราะครั้งหนึ่งช่วงปี 2554 เขาเคยลงสมัคร ส.ส.กทม.ในนามพรรคเพื่อไทย หลังจากที่หันหลังให้พรรคมัชฌิมาธิปไตย

 

“ผู้การรุ่งโรจน์” ลูกพระธัมฯ ผู้หลงทาง?

 

               โดยผลการเลือกตั้งของวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 เบอร์ 1 ของพรรคเบอร์ 1 อย่าง พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ กลับไม่สามารถคว้าใจคนเขต 1 ( พระนคร ป้อมปราบ สัมพันธวงศ์) ของกรุงเทพฯ ไปได้

               เพราะพ่าย เจิมมาศ จึงเลิศศิริ พรรคประชาธิปัตย์ ผู้เป็นอดีต ส.ก. อดีต ส.ส. แถมยังมีีสามีเป็น ส.ก. อยู่ในเขตป้อมปราบเวลานั้น จึงชนะไปด้วยความแน่นปึ้กของแบ็กกราวน์ จนทำคะแนนนำห่างกันครึ่งต่อครึ่ง! คือ 40,000 ต่อ 20,000 คะแนน

               ทั้งนี้ หลังจากอกหักไปหนนั้น ชื่อของผู้การรุ่งโรจน์ ก็มิได้ปรากฏในทางการเมืองอีก หากแต่ไปปรากฏในทางธรรมะแทน!

               เช่น ช่วงปี 2556 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ ไปปราศรัยที่สถานทูตอินเดีย ปกป้องพุทธคยา (มีคลิปที่หาดูได้จากยูทูบ) โดยขณะนั้นเขามีสถานะเป็น “ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร” และเป็นนายกสมาคมสันติสุขโลกอีกด้วย

               โดยเฉพาะกับบทบาทของ “นายกสมาคมสันติสุขโลก” ที่เขาได้แอ็กชั่นแบบออกตัวแรงหนักมาก ด้วยการเดินหน้าผลักดันให้บรรจุ “พุทธศาสนา” ให้เป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญไทย

               ทั้งนี้ ล่าสุดช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เขาเพิ่งนำรายชื่อประชาชนที่สนับสนุนให้บัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ ยื่นต่อ สุพจน์ ไข่มุก รองประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องนี้คนไทยรู้กันดีว่าเป็นเรื่องอ่อนไหวที่ยังเถียงกันไม่จบ

               อย่างไรก็ดี จากโปสเตอร์ของกลางที่เจ้าหน้าที่พบในรถของเขา หลายคนฟันธงว่าเขาเป็นชาวธรรมกายจริงแท้แน่นอนนั้น ก็ไม่ใช่ความลับอะไรของโลก เพราะเขาเคยบวชกับวัดพระธรรมกายมาแล้ว โดยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน “ลูกพระธัมฯ”

 

“ผู้การรุ่งโรจน์” ลูกพระธัมฯ ผู้หลงทาง?

 

               ขณะที่ช่วงปี 2556 ผู้การคนนี้ยังเคยเขียนบทความชวนคนมาบวช ลงเว็บไซต์ธรรมกาย เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ในหัวข้อ “จดหมายจากลูกพระธัมฯ พันธุ์ฮาร์ดคอร์” ระบุว่า

               “ตัวผมเองก็เคยบวชในโครงการของวัดพระธรรมกายมาแล้วหลายโครงการครับ ทำให้ซาบซึ้งและมั่นใจว่าหลักสูตรการบวชของวัดพระธรรมกายนั้นดีจริงๆ เมื่อผมได้พบกับความสุขแล้ว ผมจึงอยากให้โอกาสแมนแมนน้องๆ ลูกๆ หลานๆ ได้มาบวชอย่างผมบ้าง”

               นอกจากนี้ ในบทความ เจ้าตัวยังเล่าเรื่องของตัวเองว่า ในอดีตเคยทำงานด้านการปราบปรามยาเสพติดมาก่อน โดยได้ชื่อว่าเป็นมือปราบชั้นเซียนอีกด้วย!!

               แต่เมื่อหันหลังให้วัยทำงาน เจ้าตัวจึงทุ่มเทกับธรรมกายแบบทุกหยาดเหงื่อ เพราะในบทความยังเล่าอีกว่า

               ตนกับทีมงานได้ตั้งบูธชวนบวชตามสถานที่สำคัญหลายแห่งทั่ว กทม. เช่น สถานีรถไฟหัวลำโพง สถานีรถไฟบางซื่อ สถานีขนส่งหมอชิต สายใต้ สนามบินดอนเมือง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นต้น และยังได้วิ่งรถกระจายเสียงประชาสัมพันธ์ชวนบวช ที่เขตพระนครอีกด้วย

               ดังนั้น ในเมื่องานนี้เรียกว่าเป็นลูกพระธัมฯ ตัวจริงเสียงจริง!! ขนาดนี้ การโผล่มาให้เจ้าหน้าที่จับได้ พร้อมพร็อพแบบจัดเต็มขนาดนั้น ดูแล้วค่อนข้างดิ้นยาก

               แต่ที่อดสงสัยไม่ได้ คือ ระดับอดีตเซียนปราบปรามยาเสพติด ไฉนเลยถึงพลาดท่าเสียทีได้ง่ายดายจนน่าประหลาดใจ

               หรือแกจะหลงทางมาจริงๆ ก็ไม่แน่นะ (ฮา)

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ