ประวัติ "ชาญชัย ลิขิตจิตถะ"

นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ  องคมนตรี  เกิดเมื่อวันที่  25 เมษายน พ.ศ. 2489  ปัจจุบันอายุ 70 ปี   เป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างยิ่งในสังคมไทยทั้งวงการตุลาการและวงการการเมือง โดยนายชาญชัย  จบการศึกษามัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดทรงธรรมจบการศึกษา  ระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2512 จบเนติบัณฑิตไทย พ.ศ. 2514
 
    จากนั้นได้เริ่มทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ผู้พิพากษาประจำกระทรวง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย หัวหน้าศาลแขวงนครสวรรค์ หัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรี หัวหน้าศาลประจำกระทรวง หัวหน้าศาลจังหวัดกระบี่ หัวหน้าศาลจังหวัดเพชรบุรี ผู้พิพากษาศาลแพ่ง หัวหน้าคณะในศาลแพ่ง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 3 รองอธิบดีศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ผู้พิพากษาศาลฎีกา หัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ หัวหน้าคณะในศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 รองประธานศาลฎีกา และได้เป็นเป็นประธานศาลฎีกาในปี 2548  และเกษียณอายุในปี 2549    

    ทั้งนี้ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาเขาถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขวิฤตการเมืองในขณะนั้น โดยในวันที่ 28 เม.ย. เขาเป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะตุลาการทั้งสามศาล (ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ) หาทางออกทางการเมืองหลังจากที่มีการร้องให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. 2559 เป็นโมฆะ และได้ข้อสรุป 3 ข้อจากการประชุมคือ  1.ศาลจะเร่งรัดพิจารณาพิพากษาคดีและดำเนินการในส่วนที่อยู่อำนาจหน้าที่ของแต่ละศาล ให้รวดเร็วทันต่อของความเร่งด่วนในแต่ปัญหาที่เกิดขึ้น, 2.การพิจารณา คดีความแต่ละศาล จะต้องใช้และตีความตัวบทกฎหมายเดียวกันนั้นต้องระมัดระวัง ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งนี้เพื่อป้องกันความขัดแย้งและสับสนของ ประชาชน และ 3.ในการดำเนินการของแต่ละศาลนั้นยังต้องยึดถือหลักความเป็นอิสระของศาล ตามเขตอำนาจแต่ละศาลใ

    ต่อมาคำวินิจฉัยทั้ง 3 ศาลมีคำสั่งให้ระงับการเลือก ตั้ง สส.ใน จ.ชุมพร,ตรัง,นครศรีธรรมราช,ปัตตานี,พังงา,พัทลุง,ภูเก็ต,สงขลา และสุราษฎร์ธานี รวม 9 จังหวัด 14 เขต ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29เมษายน 2549 นี้เป็นการชั่วคราว  และที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. เป็นโมฆะ และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตุลาการภิวัฒน์" 
 
    ต่อมาเมื่อเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ก็มีข่าวว่าเขาได้รับทาบทามจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ที่สุด คปค. ก็ได้เลือกพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี และนายชาญชัยก็ได้รับการแต่งตั้งให้เห็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม   และพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 26 ก.พ. 2551 

    และในวันที่ 8 เม.ย. 2551 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี 
 
    อย่างไรก็ตามในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552 ชุดสืบสวนภูธรภาค 1 ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัย ขณะเดินอยู่ใกล้กับบ้านชาญชัย ไว้ได้ และผู้ต้องสงสัยสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจ้างวานให้ลงมือสังหารชาญชัยภายในวันที่ 7 เมษายน  โดยมีการซัดทอดอดีตนักการเมืองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเนื่องจากต้องการสร้างความวุ่นวาย
 
    ต่อมาในวันที่ 6 ธ.ค. 2559   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายชาญชัยเป็นองคมนตรี 

    และเช้าวันนี้ในวเลา 08.30 น. นายชาญชัยก็ได้ถึงแก่อสัญกรรม สิริรวมอายุ 70 ปีบริบูรณ์
---------------