คอลัมนิสต์

ดราม่ากลางเวหา เรื่องป่วนๆของคนบนเครื่องบิน!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โลกทุกวันนี้ช่างมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ

 

 

     ในบ้านเราเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็เพิ่งตกตะลึงกับเหตุการณ์หลุดโลก หนุ่มสติแตกคลุ้มคลั่งจากอาการเมายา ขับรถบรรทุกหกล้อ ตะบึงห้อบดขยี้รถราบนถนนตั้งแต่ย่านประตูน้ำมาจนถึงเอกมัย เสียหายยับเยินถึง 41 คัน ถ้าไม่สิ้นฤทธิ์เพราะน้ำมันหมดเสียก่อนคงพังพินาศอีกไม่รู้เท่าไหร่ 

ขึ้นไปบนฟ้า ใครคิดว่าเดินทางด้วยเครื่องบินจะได้รับความสะดวกสบายปลอดภัยกว่ารถยนต์ คงต้องทบทวนใหม่  เพราะเมื่อสองวันมานี้เพิ่งมีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้นบนสายการบินโคเรียน แอร์ ชนิดที่ทำให้คนดังอย่าง ริชาร์ด มาร์กซ์ ต้องหัวเสียไปนาน    

     ริชาร์ด มาร์กซ์ นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังยุค 80 และภรรยา เดซี ฟูเอนเตส บอกเล่าเหตุการณ์บนเที่ยวบิน KE480 พร้อมคลิปวิดีโอแสดงภาพความวุ่นวายบนเที่ยวบิน จากฮานอย ประเทศเวียดนาม มายังสนามบินอินชอน ของเกาหลีใต้ เมื่อวันอังคาร (20 ธ.ค.) 

     ในคลิปวิดีโอ ผู้โดยสารหนุ่มที่นั่งด้านหน้าเขาและภรรยา เริ่มคลุ้มคลั่งทำร้ายผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ และพนักงานต้อนรับหญิง ต่อมาถึงแม้จะถูกมัดไว้ แต่เชือกก็หลุด และก็เริ่มอาละวาดอีก เหตุการณ์วนเวียนเช่นนี้ร่วม 4 ชั่วโมง จนเขาและผู้โดยสารชายอีกสองคนต้องช่วยกันจับมัดเชือก

ดราม่ากลางเวหา   เรื่องป่วนๆของคนบนเครื่องบิน!!

     ริชาร์ด มาร์กซ์ เจ้าของเพลง Right Here Waiting ที่ดังเป็นพลุแตกในปี 1989 โพสต์เฟซบุ๊กตำหนิสายการบินโคเรียน แอร์ ว่าขาดการเตรียมพร้อมรับมือ เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งเขามองว่า ลูกเรือหญิงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ขาดการฝึกฝนว่าควรจัดการกับผู้โดยสารอาละวาดคนนี้อย่างไร สายการบินแห่งชาติเกาหลีควรถูกลงโทษ เพราะลูกเรือไม่สามารถทำให้ผู้โดยสารสงบลงได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้โดยสาร

     เดซี ฟูเอนเตส ภรรยาของนักร้องดัง ก็โพสต์อินสตาแกรมว่าลูกเรือหญิงไม่รู้วิธีการใช้ปืนไฟฟ้าหรือการมัดเชือก จึงควบคุมผู้โดยสารไม่ได้เลย

     กระนั้น ประเด็นเรื่องการใช้ปืนไฟฟ้า หรือแม้แต่วิธีการมัดเชือกที่ เดซี ฟูเอนเตส พูดถึงนั้น นักบินผู้เชี่ยวชาญในการอบรมและผลิตบุคลากรด้านการบินของไทย ให้ข้อมูลว่า ปกติหลักสูตรการฝึกลูกเรือจะเน้นความสำคัญที่สุด คือ การดูแลความปลอดภัยของเครื่องบิน เช่น กรณีเครื่องบินขึ้นลง หรือตกหลุมอากาศ หรือตกกระแทก จะต้องมีขั้นตอนปฏิบัติอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่องการให้บริการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร เป็นเรื่องรองลงมา แต่ถ้าเป็นเรื่องเหตุการณ์เฉพาะหน้าอย่างเช่นเกิดความวุ่นวายบนเครื่องบินนั้นไม่ได้มีในหลักสูตร มีเพียงการสอนวิธีมัดเชือกพลาสติกกรณีคนเมาไม่ได้สติ เท่านั้น

     “ไม่เคยได้ยินว่ามีการบังคับให้ ลูกเรือไปเรียนศิลปะการต่อสู้ หรือพวกหลักสูตรคาราเต้นะ ส่วนใหญ่ผู้โดยสารก็ช่วยๆ กัน กรณีนี้หากจะฟ้องร้องสายการบิน ไม่น่าจะได้ผลอะไร ไม่มีหลักการบังคับลูกเรือในเรื่องแบบนี้ ส่วนเรื่องการสอนวิธีใช้ปืนไฟฟ้า ก็ไม่เคยพบว่ามีการอนุญาตใช้ปืนไฟฟ้าของลูกเรือ หรือให้เครื่องบินมีประจำบนเครื่องบินมาก่อน โดยเฉพาะในสายการบินของไทย”

      บนเครื่องบินอีกเช่นกัน แม้จะคนละทวีป แต่ก็มีเรื่องไม่เป็นเรื่องชวนตื่นเต้นไม่แพ้กัน เมื่อซุปตาร์ยูทูบถูกไล่ลงจากเครื่องบิน เพราะอุตริทำเรื่องแผลงๆ ให้ชาวบ้านชาวช่องตื่นตกใจ ขณะที่ตัวเองเหมือนจะ งงๆ ว่า “แบบนี้ก็ได้เหรอ?”

     อดัม ซาเลห์ ผู้โด่งดังทางเว็บไซต์ยูทูบ จากการทำคลิปแนวแผลงๆ และขำขัน เปิดเผยทางเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์พร้อมคลิปวิดีโอของเขาว่า เขาและ สลิม อัลบาเฮอร์ เพื่อนวัย 23 ปี ถูกลูกเรือสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส ไล่ลงจากเครื่องบินหลังจากที่เขาพูดโทรศัพท์กับมารดาเป็นภาษาอาหรับระหว่างรอเครื่องบินทะยานขึ้นจากสนามบินฮีทโทรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มุ่งหน้าไปนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันพุธ(21ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

ดราม่ากลางเวหา   เรื่องป่วนๆของคนบนเครื่องบิน!!

     ซาเลห์ ซึ่งมีแฟนติดตามทางยูทูบหลายล้านคน อ้างว่า “เราพูดคนละภาษาบนเครื่องบิน และตอนนี้ เราถูกไล่ออกมา พวกคุณเป็นพวกเหยียดผิว ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ” หนุ่มรายนี้อ้างว่าหลังพูดอาหรับแล้ว มีคนผิวขาว 6 คน แสดงท่าทีไม่พอใจ แต่ไม่แน่ชัดว่า ใครเป็นคนตัดสินใจให้ซุปตาร์กับคู่หูลงจากเครื่องบิน

      แต่ เดลตา แอร์ไลน์ส แถลงว่าเบื้องต้นได้รับฟังจากลูกเรือและผู้โดยสารหลายคน ทราบว่า ผู้โดยสารทั้งสองถูกให้ลงจากเครื่อง เพราะก่อ “ความวุ่นวาย” ในเคบินและมีพฤติกรรมยั่วยุ รวมถึงการตะโกน  ส่วนข้อกล่าวหาว่าสายการบินเลือกปฏิบัตินั้น สายการบินถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะวัฒนธรรมของเขาคือต้องปฏิบัติกับทุกคนด้วยความเคารพ

     ขณะที่ ซาเลห์ ให้สัมภาษณ์ หลังเปลี่ยนไปใช้บริการสายการบินอื่นถึงนิวยอร์กแล้ว โดยยืนยันตามที่เล่าไว้ในคลิปแต่  แรกว่า เป็นการเลือกปฏิบัติจริง คน 20 คนบนเครื่องชี้นิ้วมาที่พวกเขาแล้วบอกว่า ให้พวกเขาลงไป เหมือนกับตนเองเป็นผู้ก่อการร้าย และตอนที่อัดคลิปโดยเขาพูดคำว่าเหยียดผิวนั้น ก็ไม่มีลูกเรือคนใดแย้งเลยแม้แต่คนเดียว

     ด้าน นาซ เราะห์มาน ผู้จัดการของซาเลห์ บอกว่า หลังจากซาเลห์ พูดโทรศัพท์กับแม่เป็นภาษาอาหรับ มีบางคนบ่นว่ารู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นอีกหลายคนบนเครื่องบินก็บอกให้พาพวกเขาลงไป

     หลังเรื่องราวของซาเลห์สะพัดในโลกออนไลน์ แฟนๆ ของเขาพากันติดแฮชแท็กว่า คว่ำบาตรเดลตาแอร์ไลน์ #BoycottDelta เพื่อให้กำลังใจ

     ซาเลห์ โพสต์คลิปวิดีโอล้อเล่นหลายหนบนช่องยูทูบของเขา ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.6 ล้านคน บางคลิปได้รับความนิยมมียอดเข้าดูกว่า 32 ล้านวิวทำให้ในตอนแรก หลายคนสงสัยว่า อาจเป็นอีกคลิปพิเรนทร์ของเขา แต่ผู้จัดการส่วนตัวยืนยันว่าไม่ใช่การแสดง แต่เป็นเรื่องจริงล้วนๆ

     ย้อนกลับมาในบ้านเรา เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เป็นเรื่องซีเรียสของกฎระเบียบการบินก็มีให้เห็นอยู่หลายครั้ง 

     ที่ฮาและตลกร้าย เป็นข่าวใหญ่เรียกยอดไลค์ในโซเชียลฯ ได้หลายวันเห็นจะเป็นเหตุการณ์เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2558 เมื่อหนุ่มพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย พิชิต บุญแดง  โดนไล่ลงจากเครื่องบิน หลังจากเกิดอาการคะนองปากอยากแซวแอร์โฮสเตส

      พนักงานการรถไฟ วัย 23 ปี ไม่แน่ใจว่าขึ้นเครื่องบินครั้งแรกหรือเปล่า พูดกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินไลอ้อน แอร์ เที่ยวบิน SL8536 กรุงเทพ-หาดใหญ่ ว่าให้วางกระเป๋าของเขาดีๆเดี๋ยวจะระเบิด ทำให้แอร์โฮสเตสถึงกับชะงัก รีบแจ้งกับกัปตันจนทำให้เที่ยวบินดังกล่าวต้องล่าช้านานกว่า 6 ชั่วโมง เพราะต้องนำกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสายทั้งลำลงไปกองบนรันเวย์ เพื่อตรวจสอบวัตถุระเบิดตามกฎการบิน

     ส่วนหนุ่ม พิชิต ถูกสายการบิน ฟ้องร้องข้อหา “แจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ ให้ผู้อื่นที่อยู่ในท่าอากาศยานหรืออยู่ระหว่างการบินตกใจ ตามมาตรา 22 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 โดยมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ซึ่ง พิชิต ยอมรับว่า เป็นผู้พูดจาหยอกล้อถึงเรื่องระเบิดบนเครื่องบินจริง แต่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะมีจุดประสงค์เพียงจะจีบแอร์โฮสเตสเท่านั้น      

     ส่วนเหตุป่วนสายการบินครั้งล่าสุดเกิดกับ ไลอ้อนแอร์ อีกเช่นกัน และก็เป็นเที่ยวบินหาดใหญ่-ดอนเมือง อีกแล้ว เหตุเกิดบนเครื่องบินโบอิ้ง 737-900ER ที่กำลังจะออกจากสนามบินหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา 

     ครั้งนี้เป็นความคึกคะนองของเจ้าหน้าที่สาวของหน่วยงานด้านการเกษตรของรัฐบาลที่เดินทางพร้อมกับเพื่อนรวม 6 คน 

     ความวุ่นวายในวันนั้นไม่ควรเกิดขึ้นเลยถ้าเธอไม่พูดเสียงดังว่า “เครื่องจะระเบิด” ให้ใครๆ ได้ยิน ตอนที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกำลังอธิบายข้อควรปฏิบัติและขอความร่วมมืองดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จนกัปตันต้องสั่งอพยพผู้โดยสาร 160 คน ลงจากเครื่อง และให้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระทุกใบ 

     แม้จะไม่พบความผิดปกติ แต่ก็ทำให้ผู้โดยสารทั้งลำต้องเซ็งไปตามๆ กันกับการบินที่ล่าช้ากว่ากำหนดเกือบ 1 ชั่วโมง

      ปี 2558 ประเทศไทยได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 โดยมีนิยามศัพท์ที่น่าสนใจ 

     “ใช้กําลังประทุษร้าย” หมายความว่า ใช้กําลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา 

     “ใช้กําลังทําร้าย” หมายความว่า ใช้กําลังทําร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 

    “ทําร้ายร่างกาย” หมายความว่า ทําร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

     บทลงโทษ มาตรา 10 ระบุว่า “ผู้อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบินผู้ใดใช้กําลังประทุษร้ายผู้อื่น ต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินแปดหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ” และ มาตรา 27 เจ้าหน้าที่ประจําอากาศยานหรือผู้โดยสารในอากาศยานไทยซึ่งเป็นอากาศยานในระหว่างการบิน อาจใช้มาตรการอันสมควรในทางป้องกันเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของอากาศยาน หรือของบุคคลหรือทรัพย์สินในอากาศยานได้

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ