คอลัมนิสต์

ออฟฟิศซินโดรม โรคประจำยุคไอที

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ออฟฟิศซินโดรม" ภัยร้ายประจำยุคไอที ที่ทำให้สังคมต้องสูญเสียมากมาย เราจะแก้ไขและป้องกันโรคร้ายนี้ได้อย่างไร?

ออฟฟิศซินโดรม โรคประจำยุคไอที           เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา สำนักข่าวไทยต่างพากันลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำข้าราชการออกกำลังกายที่ทำเนียบรัฐบาล สืบเนื่องจากมติ ครม. ที่กำหนดให้ข้าราชการทั่วประเทศออกกำลังกายทุกวันพุธ สาเหตุของคำสั่งมาจากรายงานผลการประชุมนานาชาติว่าด้วยการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ที่พบเด็กและผู้สูงอายุมีกิจกรรมเนือยนิ่ง เช่น การใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีเป็นเวลานาน

          พล.อ.ประยุทธ์เห็นว่าข้าราชการที่นั่งทำงานเป็นเวลานานอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน จึงจัดให้มีวันออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี ลดความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ส่วนเหตุที่เลือกวันพุธเป็นเพราะเป็นวันกลางสัปดาห์ ถือเป็นการกระตุ้นให้อีก 2 วันที่เหลือทำงานได้เต็มที่ ขณะที่ในโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้

          รศ.ดร.ประวิตร เจนวรรธนะกุล อาจารย์ประจำหน่วยวิจัยการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจากการทำงาน ภาควิชากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำมีเหตุผลเชิงประจักษ์มารองรับ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีคนทำงานที่ป่วยด้วยโรคออฟฟิศซินโดรม หรือโรคที่เกิดขึ้นจากการทำงานเพิ่มขึ้นมาก

ออฟฟิศซินโดรม โรคประจำยุคไอที

          หน่วยวิจัยการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจากการทำงาน ได้ทำวิจัยและพบว่าในปี 2556 มีผู้ที่ทำงานในสำนักงานมากกว่า 7.7 ล้านคน อาการออฟฟิศซินโดรมที่พบมากที่สุดคือ อาการปวดคอและบ่า (ร้อยละ 42) รองลงมาคือหลังบั้นเอว และหลังส่วนบน

          ออฟฟิศซินโดรม ยังรวมถึงการเจ็บป่วยด้วยอาการอื่นๆ ที่ไม่ใช่การปวดกล้ามเนื้อกระดูก เช่น ตาแห้งจากการจ้องจอ เป็นโรคปอดจากการสูดดมผงคาร์บอนในเครื่องถ่ายเอกสาร การนั่งกลั้นปัสสาวะจนกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น

          และเมื่อนำไปคำนวณมูลค่าในทางเศรษฐศาสตร์ จะพบว่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการป่วยเป็นโรคนี้ มีมูลค่ามากถึง 48,069 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากการทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และผู้ที่รับภาระมากที่สุดในความสูญเสียนี้คือนายจ้างในภาคธุรกิจ

ออฟฟิศซินโดรม โรคประจำยุคไอที

          รศ.ดร.ประวิตรชี้ว่า โรคออฟฟิศซินโดรม ถือเป็นโรคใหม่ที่เพิ่งมีการพูดถึงและทำวิจัยเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เพราะเทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้น ทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ฯลฯ ทำให้คนต้อง “นั่ง” นานมากขึ้นในเวลาทำงาน

          “มันเป็นโรคมานานแล้ว แต่พอมีไอทีทำให้อาการโรคยิ่งเยอะขึ้น และจำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต เพราะคนปัจจุบันเดินน้อย นั่งเยอะ แถมทุกวันนี้ทำงานผ่านคอมพ์ คนใช้เวลาหน้าจอมาก และสังคมก็กำลังจะเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้คนทำงานต้องทำงานมากขึ้น เพราะไม่มีใครมาทำแทนอีก” รศ.ดร. ประวิตรกล่าว

          นอกจากนี้ การนั่งนานยังทำให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต และโรคหัวใจ เพราะทำงานในออฟฟิศส่วนใหญ่มักจะมีกิจกรรมทางกายน้อย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งคุยโทรศัพท์ ประชุม ใช้คอมพิวเตอร์ ประกอบกับวิถีชีวิตคนในเมืองที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา เจอรถติด ก็ยิ่งทำให้ชีวิตมีเวลาว่างพอที่จะไปออกกำลังกายน้อยลงไปอีก

          การนั่งทำงานผิดท่าและการไม่ดูแลรักษาร่างกายก็ทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องนั่งทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ หรือคนขับรถ คนทำงานในโรงงาน ต้องนั่งให้เหมาะสมกับกระดูกสันหลัง นั่งตัวตรง ข้อสะโพก ข้อเข่าทำมุม 90 องศา ไม่ควรนั่งตามสบาย

ออฟฟิศซินโดรม โรคประจำยุคไอที

          รศ.ดร.ประวิตรบอกว่า โรคนี้ควรป้องกันไว้ก่อน มิเช่นนั้นอาการจะกลายเป็นโรคเรื้อรัง รักษายาก การออกกำลังกายแบบที่นายกฯ นำข้าราชการออก เป็นการออกกำลังกายทั่วไป ซึ่งมีประโยชน์ แต่ก็มีการออกกำลังกายเฉพาะจุดที่เหมาะกับคนทำงานในออฟฟิศ เช่น การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การขยับร่างกาย หรือแม้กระทั่งการเพิ่มกิจกรรมทางกายในแต่ละวัน เช่น การเดิน ก็ลดอาการเกิดของออฟฟิศซินโดรมได้

          ขณะนี้หน่วยวิจัยการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจากการทำงานมีการทำแอพพลิเคชั่น Offixercise เพื่อป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม โดยจะประเมินความเสี่ยงจากข้อมูลสุขภาพผู้ใช้ และคำนวณจำนวนก้าวเดินต่อวันเพื่อป้องกันโรคปวดคอและปวดหลัง พร้อมนับจำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน และแจ้งผลอัตโนมัติ

  ออฟฟิศซินโดรม โรคประจำยุคไอที

        อย่างไรก็ดี รศ.ดร.ประวิตร เชื่อว่า ในอนาคตออฟฟิศเองก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และไม่ทำให้เกิดโรคเจ็บป่วยด้วย เช่น มีโต๊ะที่ปรับความสูงเองอัตโนมัติทุกๆ 30-45 นาที ทำให้คนทำงานต้องยืนทำงานสลับนั่งไปด้วย หรืออาจจะเป็นออฟฟิศโมบาย ที่ให้คนไปนั่งทำงานตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นออฟฟิศแบบดั้งเดิมที่พนักงานต้องนั่งแบ่งกันเป็นคอกๆ ประจำที่

          “อย่างในสแกนดิเนเวียเขาเคร่งครัดมาก คือมีกฎหมายออกมาเลยว่านายจ้างต้องดูแลมลภาวะการทำงานของลูกจ้าง ไม่อย่างนั้นจะถูกฟ้อง ของไทยเรายังไม่เจอ แต่คิดว่าอนาคตมีแน่” รศ.ดร.ประวิตรกล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ