ไผเป็นไผ? "แดงใต้ดิน" ฝั่งซ้าย

 

               ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ประเทศไทย มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ดำรงอยู่ หรือ “กลุ่มเปลี่ยนระบอบ” ก็เปิดหน้าชกเต็มที่ ทั้งช่องทางยูทูบ และเฟซบุ๊ก

               ฝ่ายปกป้องสถาบันฯ นำโดย พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ในนาม “องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน” ก็เดินหน้าชนกลุ่ม "แดงนอก" เต็มที่

               บทบาทของ "หมอเหรียญทอง" และองค์กรของพวกเขา ไม่ต่างจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มนวพล , กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน และกลุ่มกระทิงแดงในอดีต

               สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มแดงนอกจุดกระแส "เปลี่ยนระบอบ" กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มที่ซุกหัวนอนอยู่บนแผ่นดิน "สาธารณรัฐฝั่งซ้าย" ประมาณ 4 กลุ่มหลักดังนี้

 

ชูชีพ ชีวะสุทธิ์

 

               1. กลุ่มสามสหาย คือ ลุงสนามหลวง (ชูชีพ ชีวะสุทธิ์) , สหายยังบลัด (สหายเลือด คนโคราช เข้าป่าเขตงานอีสานใต้) และสหาย 112 (นักเขียนชื่อดัง)

               ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ เป็นอดีตนักศึกษาฝ่ายซ้ายสายมหิดล และเข้าป่าอีสานใต้ หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

               หลังรัฐประหาร 2519 "ชูชีพ" ร่วมกับเพื่อนนักธุรกิจ ที่ชื่นชอบ "ทักษิณ ชินวัตร" นัดชุมนุมต้านเผด็จการทหารที่ท้องสนามหลวง โดยพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ออกมาต้านการรัฐประหาร

               ต่อมา "ชูชีพ" ผนึกกำลังกับ "สหายอีสานใต้" เคลื่อนไหว "ใต้ดิน" โดยพุ่งเป้าไปที่การโค่นระบอบอำมาตยาธิปไตย จนในที่สุด เขาถูกออกหมายจับในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง จึงต้องหลบหนีออกนอกประเทศ

               ชูชีพไปพำนักอยู่ในเมืองจีนระยะหนึ่ง ก่อนจะวกกลับมาอยู่ในนครหลวง สาธารณรัฐฝั่้งซ้าย โดยเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่เดือนละหมื่นกว่าบาท และเปิดแนวรบสื่้อดิจิตอลต่อสู้กับระบอบอำมาตย์

 

วงไฟเย็น

 

               2. กลุ่มไฟเย็น ที่มี ไตรรงค์ สินสืบผล (ขุนทอง) และ นิธิวัต วรรณศิริ (จอม) เป็นแกนนำ ซึ่งพวกเขาได้เปิดสถานีข่าวใต้ดินเพื่อสาธารณรัฐ ในนามช่องไฟเย็นมานานแล้ว

               วงดนตรีไฟเย็น กำเนิดขึ้นในปีก "แดงอิสระ" และทำเพลงแนววิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนใหญ่ ในช่วงก่อนรัฐประหาร 2557 ไม่ถึงเดือน สมาชิกวงไฟเย็น ได้มาอยู่ในชายคา "โกตี๋ เรดการ์ด"

 

โกตี๋ เรดการ์ด

 

               3. สหายหมาน้อย (โกตี๋ เรดการ์ด) หลังรัฐประหาร 2557 โกตี๋หนีตายไปอาศัยอยู่บนแผ่นดินขอมโบราณ ก่อนจะย้ายไปสาธารณรัฐฝั่งซ้าย จับมือกับกลุ่มไฟเย็น และ "ชูพงศ์ ถี่ถ้วน" ทำคลิปใต้ดิน

               จะว่าไปแล้ว คนอย่างชูพงศ์ ถี่ถ้วน สานุศิษย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ไม่ได้เป็นสายพันธุ์ฮาร์ดคอร์ เพียงสถานการณ์พัดพาให้เป็น "แดงเปลี่ยนระบอบ" จนต้องร่อนเร่ออกจากบ้านพักย่านเมืองนนท์ ไปอาศัยอยู่ฟิลิปปินส์ ซึ่งได้กลุ่มแดงยูเอสเอ คอยเจือจุน

               4. สุรชัย แซ่ด่าน ประธานกลุ่มแดงสยาม ผู้พยายามเสนอแนวทางการปฏิวัติไทยมาสองปีแล้ว

               อดีตนักโฆษณามวลชนคนนี้ คบค้าสมาคมกับ สุนัย จุลพงศธร จึงได้ตั้ง "ก๊วนตาสว่าง" ขึ้นมา เผยแพร่แนวคิดปฏิวัติประชาชน จึงมีแม่ยกเสื้อแดงเข้ามาอุดหนุนซื้อหมวกดาวแดง และหนังสือที่เขาเขียนขึ้นเอง

               วันนี้ "สุรชัย" ปักหลักอยู่ในบ้านพักกลางนครหลวง สาธารณรัฐฝั่งซ้าย ได้รับการช่วยเหลือจากจักรภพ เพ็ญแข , จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และแม่ยกเสื้อแดงยุโรป

               ระยะหลัง รูปแบบการโฆษณาปลุกระดมของแดงใต้ดินทางฝั่งซ้าย มิได้แค่ทำคลิปเผยแพร่ทางช่องยูทูบ หากแต่มีการจัดรายการสดผ่านยูทูบ เหมือน "สถานีวิทยุออนไลน์" ที่มีการสื่อสารสองทาง โดยเปิดให้คนฟังสามารถแสดงความคิดเห็นได้ทันที

               โดยเฉพาะช่องไฟเย็นนั้น มีเปิดเผยหมายเลขบัญชีธนาคาร เพื่อให้แนวร่วมที่รับฟังอยู่ทั่วโลก ได้ให้การสนับสนุน ซึ่งตรวจพบว่า เป็นบัญชีของธนาคารร่วมพัฒนา สถาบันการเงินของรัฐบาลฝั่งซ้าย

               สถานการณ์หลังวันที่ 13 ตุลาคม 2559 กลุ่มแดงใต้ดินในฝั่งซ้าย เกิดความขัดแย้งทางความคิดระหว่าง "กลุ่มสุรชัย" กับ "กลุ่มไฟเย็น - โกตี๋ - สามสหาย" ว่าด้วย แนวทางการต่อสู้

               กลุ่มสุรชัย ยังประนีประนอม สะสมกำลัง รอคอยโอกาส แต่ฝ่ายกลุ่มสามสหาย - ไฟเย็น - โกตี๋ ประกาศ "เปลี่ยนระบอบ" เท่านั้น

               อย่างไรก็ตาม สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ที่ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส ได้วิพากษ์ขบวนการแดงใต้ดินแบบตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่พวกแดงใต้ดินพล่ามผ่านช่องยูทูบนั้น "มโน" ทั้งสิ้น "มันมโนไร้สาระสุดๆ" ส่วนกรณีของสุรชัย ก็ยังขายนิทานหลอกผู้ใหญ่อยู่

               ความคึกคักจากสื่อออนไลน์ใต้ดินจากฝั่งซ้าย ทำให้ "ลุงตู่" ต้องมาแถลงว่า ให้ไปค้นดูว่าที่ผ่านมา ไทยกับมิตรประเทศ เคยมีการแลกเปลี่ยนส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนบ้างไหม?

               คำพูดนี้เหมือนจะส่งสัญญาณไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ที่ครั้งหนึ่งไทยเคยส่งตัว "หัวหน้ากบฏ" ต่อต้านรัฐบาลฝั่งซ้ายไปให้ด้วยมิตรไมตรี ทั้งที่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน

               สำคัญอยู่ว่า ผู้นำสาธารณรัฐฝั่งซ้ายได้ยินแล้ว จะทำอย่างไร?