“นางงามพม่า” ตลาดขาอ่อนเบ่งบาน!?

               เมียนมายุคผู้นำหญิง ออง ซาน ซูจี ได้รับความสนใจจากนานาชาติมากขึ้นกว่ายุคสมัยทหารครองเมือง

               อีกด้านหนึ่ง “สาวพม่า” กำลังเฉิดฉายในเวทีประกวดนางงามระดับสากล

               ชั่วโมงนี้ เวทีประกวดนางงามเมียนมา มีทั้งเวทีระดับท้องถิ่น เวทีระดับชาติ และเวทีระดับนานาชาติ อาจพูดได้ว่า ตลาดนางงามพม่าเฟื่องฟู ยิ่งกว่าสมัยใด

 

 

               ปี 2556 รัฐบาลเต็งเส่ง อนุญาตให้จัดประกวด “มิสยูนิเวิร์ส เมียนมา” ขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากว่างเว้นไปเป็นเวลานานถึง 50 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เคยจัดประกวดมาแล้ว 3 ครั้ง (ปี 2502 - 2505) ด้วยคำสั่งห้ามของคณะทหารที่ปกครองประเทศมายาวนาน

               เรื่องการประกวดขาอ่อนในเมียนมา กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั้งโลก เพราะปิดประเทศมาครึ่งศตวรรษ

               การประกวดครั้งนั้น จึงมิใช่แค่สื่อให้เห็นถึงเรื่องความสวยความงาม หากแต่มีความหมายที่ลึกไปกว่านั้น คือการเปิดโอกาสให้ “ผู้หญิงพม่า” ก้าวออกสู่โลกภายนอก ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

 

 

               เวทีประกวด “มิสยูนิเวิร์ส เมียนมา 2013” ซึ่งเป็นครั้งแรกในยุคเปิดประเทศ พอลล่า เอ็ม ชูการ์ด ประธานบริษัท มิส ยูนิเวิร์ส ออแกไนเซชั่น จึงบินตรงมาจากสหรัฐอเมริกา เพื่อมาร่วมงานด้วย

               แถมยังมีการเชิญ “คุณแดง” สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ มาเป็นที่ปรึกษาให้การประกวดอย่างใกล้ชิด

               เนื่องจากประกวดครั้งแรก เรื่องชุดว่ายน้ำ กลายเป็นประเด็นเพราะเป็นครั้งแรกที่สาวพม่าจะอวดเรือนร่างในชุดว่ายน้ำต่อหน้าสาธารณชน

               กรรมการประกวดจึงเลือกชุดว่ายน้ำแบบวันพีช ไม่ใส่ทูพีช ไม่ใส่บิกินี และมีผ้าคลุมให้ก็ช่วยลดความเขินลงได้มาก

 

 

               แต่ในการประกวดปีถัดมา สาวพม่าก็สวมบิกินีแบบไม่มีเขินอาย

               มิสยูนิเวิร์ส เมียนมา คนแรกในรอบ 50 ปี คือ โม แซต วาย สาวลูกครึ่งพม่า - จีน ได้เป็นตัวแทนประเทศไปประกวดมิสยูนิเวิร์สที่รัสเซีย

               เวลานั้น คนพม่าเริ่มติดโซเชียล จึงมี “ดราม่าเรื่องชาติพันธุ์” โดยตั้งข้อกังขาในเชื้อชาติของเธอ และได้นำรูปภาพเก่าจากการประกวดนางงามพม่าเชื้อสายจีนนำมาโชว์ พร้อมกับทวงคืนมงกุฎนางงามจากเธอ

               อย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์เชิงลบก็หายไป เมื่อ “โม แซต วาย” อะร้าอร่ามในชุดบิกินี บนเวทีนางงามจักรวาล และได้รับคำสรรเสริญเยินยอมากมาย แม้จะตกรอบ

 

 

               อีกอย่างประเด็นสาวงามพม่ากับบิกินีก็จบไป เวทีประกวดนางงามพม่าในปีหลังๆ ละลานตาด้วยชุดว่ายน้ำทูพีช

               ผู้เข้าประกวดนางงามพม่า เป็น “สาวมั่น” มากขึ้น อย่างเช่น Htet Htet Htun “มิสยูนิเวิร์ส เมียนมา 2016” ได้ถ่ายแบบในชุดว่ายน้ำทูพีช ดูจะเป็นเรื่องปกติของสังคมพม่าไปแล้ว

               สำหรับวันที่ 6 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ ก็จะเป็นประกวด “มิสยูนิเวิร์ส เมียนมา 2017” รอบสุดท้าย ที่โรงแรมโนโวเทล ย่างกุ้ง ซึ่งกองประกวดมิสยูนิเวิร์สฯ จะจัดล่วงหน้าหนึ่งปี

 

     

 

               การประกวดสาวงามอีกเวทีหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจไทยคือ “มิสเมียนมา เวิลด์” ซึ่งบริษัท บีอีซี เทโร เข้าร่วมในการจัดประกวดด้วย

               ดังนั้น การประกวดในสองสามปีที่ผ่านมา จึงมีการเก็บตัวสาวงามที่เมืองไทย อย่างปีนี้ ก็มาเก็บตัวที่เชียงใหม่

               ที่ขาดไม่ได้ ช่อง 3 จะรายงานข่าวการประกวด “มิสเมียนมา เวิลด์” และสาวงามที่ชนะเลิศ จะเดินทางมาเยี่ยมช่อง 3 ทุกปี

               สองปีมานี้ เวทีประกวดนางงามที่โด่งดังที่สุดในเมียนมา กลายเป็นเวที “มิสโกลเด้นแลนด์ เมียนมา”

 

 

               การประกวดนางงามแผ่นดินทอง หรือ สุวรรณภูมิ นี้ จะคัดเลือกสาวงามไปสู่เวทีนานาชาติ อย่างเช่น มิสทัวริสต์ , มิสอินเตอร์คอนติเนนทัล , มิสเอิร์ธ และมิสซูปราเนชั่นแนล

               กองประกวดนางงามสุวรรณภูมิ คงสนองนโยบายสันติภาพและปรองดองของ ออง ซาน ซูจี เน้นความเป็นชาติพันธุ์ บนเวทีจึงมีทั้งสาวชิน , สาวกะยา , สาวกะยัน , สาวคะฉิ่น , สาวมอญ , สาวยะไข่ , สาวไทใหญ่ ฯลฯ

               เมียนมาเป็นประเทศที่มีประชากรกว่า 51 ล้านคน ประกอบด้วยความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ และความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ยังดำรงอยู่

 

 

               ในพม่ายังมีการประกวดสาวงามระดับชาติอีกประมาณ 10 เวที แต่ความคิดเห็นของผู้คนก็แตกต่างกันไป โดยผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็โจมตีว่า การประกวดขาอ่อนเป็นการทำให้ผู้หญิงกลายเป็นวัตถุ

               ทว่า ธุรกิจนางงาม เป็นทั้งโอกาสและหลุมพรางของสาวงามที่เลือกเดินทางสายนี้

               พวกเธอมีความหวังที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และความฝันที่จะมีชื่อเสียงเงินทอง

               เด็กสาวพม่าจึงสลัดแป้งสะนาคาออกจากสองแก้ม แล้ววิ่งหา “โอกาส” ทุกช่องทาง เพื่อไต่บันไดดาว ก้าวไปคว้ามงกุฎเพชร