คอลัมนิสต์

36 ปี “ปาร์คนายเลิศ”เหลือไว้เพียงความทรงจำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โรงแรงปาร์คนายเลิศในวันที่ต้องเผชิญมรสุมใหญ่ทางธุรกิจ เมื่อถึงวันไม่อาจต้านทานได้ จึงจำยอมสิโรราบ ทิ้งไว้แค่ความทรงจำ

          ในแวดวงธุรกิจ นาทีนี้ข่าวที่สร้างความฮือฮามากที่สุดคงไม่ใช่ข่าว กลุ่มบริษัทในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ในนามบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เข้าซื้อโครงการปาร์คนายเลิศ บนที่ดินรวม 15 ไร่ ย่านถนนวิทยุ 

          หากเป็นข่าวโรงแรม สวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ประกาศยุติธุรกิจโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ที่ดำเนินกิจการมายาวนานถึง 36 ปีลง หลังจากประสบปัญหาขาดทุนจากสภาวะการแข่งขันสูงของธุรกิจโรงแรม จนต้องตัดสินใจขายที่ดินของโครงการรวม 15 ไร่ ให้แก่กลุ่ม BDMS ไปในที่สุด ในราคา 10,800 ล้านบาท

          ในตลาดหลักทรัพย์ตื่นตระหนกกับข่าวนี้ หุ้นของกลุ่ม BDMS ร่วงลงทันทีเมื่อเปิดตลาดเช้าวันที่ 29 กันยายน เพราะนักลงทุนยังมองไม่เห็นผลประโยชน์จากการใช้เม็ดเงินมหาศาลซื้อที่ดินราคาแพงระยับมาลงทุนสร้างศูนย์สุขภาพครบวงจรตามที่เป็นข่าว  

36 ปี “ปาร์คนายเลิศ”เหลือไว้เพียงความทรงจำ

          ขณะที่อีกด้านหนึ่ง บรรยากาศภายในโรงแรม ก่อนที่ข่าวนี้จะออกสู่ภายนอก พนักงานเกือบ 400 ชีวิต กำลังตกอยู่ในภาวะ “ช็อก” เมื่อจู่ๆ ผู้บริหารสาวสวย ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทโรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด ได้เรียกประชุมพร้อมกล่าวถ้อยแถลงอันสรุปได้ว่า บริษัทตกลงขายโรงแรมและที่ดินให้แก่กลุ่ม BDMS ไปแล้ว นั่นหมายความว่า พวกเขาจะต้องหางานใหม่ทำ เพราะหลังจากวันที่ 1 มกราคม 2560 โรงแรมนี้จะไม่มีอยู่อีกต่อไป

 

          ณพาภรณ์ ผู้บริหารที่มักเรียกชื่อตัวเองอย่างเป็นกันเองกับพนักงานว่า “เล็ก” เสมอมา วันนี้เธอยังเรียกชื่อตัวเองว่า “เล็ก” ตอนที่บอกกล่าวกับพนักงานของเธอถึงความจำเป็นที่ต้องลาจากกัน อันเนื่องจากเหตุผลทางธุรกิจ 

         “เล็ก ในฐานะกรรมการผู้จัดการ และลูกหลานของปาร์คนายเลิศ ขอเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้น คณะกรรมการผู้บริหารและครอบครัว แจ้งข่าวสำคัญให้พนักงานทุกคนทราบ"

36 ปี “ปาร์คนายเลิศ”เหลือไว้เพียงความทรงจำ

        เธอเกริ่นเมื่อพนักงานจากแผนกต่างๆ มาพร้อมหน้ากัน ก่อนเข้าสู่เนื้อหาอันถือว่าเป็นการเปิดใจที่สะเทือนใจอย่างยิ่ง

         "หลายๆ คนทำงานที่นี่มาตั้งแต่วันแรกที่โรงแรมเปิด มีโอกาสได้รู้จัก ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ ซึ่งท่านเป็นผู้ก่อตั้งโรงแรมปาร์คนายเลิศแห่งนี้ หลายๆ คนทำงานในช่วงเวลาที่ “คุณพิไลพรรณ สมบัติศิริ” เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือบางคนเพิ่งเข้ามาทำงานในช่วงหลัง แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตาม ตลอด 36 ปี ของโรงแรมปาร์คนายเลิศ พวกเราผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาด้วยกัน ทั้งเรื่องทุกข์และสุข เรื่องง่ายและยาก เราก็สามารถผ่านมาด้วยกันแล้วทุกครั้ง

          ...แต่ทุกวันนี้สถานการณ์ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันสูงมาก โรงแรมใหม่ๆ เปิดตัวทั่วทุกมุมถนน คณะผู้บริหารทุกท่านต่างอดทนและทำงานหนัก เพื่อประคับประคองสถานการณ์ เพื่อความอยู่รอดของโรงแรมมาโดยตลอด แต่สุดท้ายทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

36 ปี “ปาร์คนายเลิศ”เหลือไว้เพียงความทรงจำ

         ...วันนี้เล็กจึงขอเป็นตัวแทนแจ้งให้พนักงานทุกคนทราบว่า เรามีความจำเป็นที่ต้องหยุดดำเนินกิจการโรงแรมปาร์คนายเลิศอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป ซึ่งผู้บริหารจะรับผิดชอบค่าชดเชยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด พร้อมโบนัสอีก 1 เดือน สำหรับพนักงานที่มีสิทธิได้รับโบนัสตามกฎของบริษัท และสินน้ำใจจากครอบครัวอีกจำนวนหนึ่งให้กับพนักงาน

          ...นอกจากนั้น เรายังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากบริษัท Accor ซึ่งขณะนี้เป็นเจ้าของ Swissotel หรือ FRHI แล้ว ทางบริษัท Accor จะรับพิจารณาพนักงานที่สนใจเข้าสมัครงาน ณ โรงแรมในเครือ Accor ต่อไป หากมีคำถามหรือข้อสงสัย เล็กขอให้ติดต่อที่ฝ่ายบุคคลเพื่อข้อมูลที่ชัดเจนต่อไป

         ...เล็กขอความร่วมมือจากทุกคนให้ช่วยกันทำงานในหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดจนวันสุดท้าย เล็กขอขอบคุณพนักงานทุกคนจากใจ ที่ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจมาโดยตลอด ถ้าไม่มีพวกเรา ปาร์คนายเลิศจะไม่สามารถยืนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ และสุดท้ายเล็กขอฝากปาร์คนายเลิศให้อยู่ในหัวใจและความทรงจำที่ดีของทุกคนตลอดไป”

            “ขอฝากปาร์คนายเลิศให้อยู่ในหัวใจและความทรงจำที่ดีของทุกคนตลอดไป” เป็นถ้อยคำลึกซึ้ง บอกถึงความผูกพันที่ผู้บริหารปราถนาให้คนที่เคยร่วมงานกันจดจำปาร์คนายเลิศไว้ในความทรงจำที่ดี ขณะที่พนักงานซึ่งอีกไม่นานก็จะเหลือเพียงความทรงจำกับสถานที่แห่งนี้บอกว่า ตกใจ เสียใจ และเสียดาย 

36 ปี “ปาร์คนายเลิศ”เหลือไว้เพียงความทรงจำ

         เลขานุการแผนกบริการอาหารและเครื่องดื่ม อายุงาน 3 ปี บอกว่า  ตกใจและใจหาย ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้ ก่อนหน้าที่จะมีข่าว ผู้บริหารได้ประกาศให้พนักงานเข้าประชุมด่วน ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องตารางหยุดงาน ซึ่งมีการประชุมเป็นปกติอยู่แล้ว เมื่อกลายเป็นเรื่องแจ้งให้ทราบว่าจะมีการปิดกิจการทุกคนต่างใจหาย และเสียดายโรงแรม 

        “ตอนนี้ยังเรียนปริญญาโทอยู่ด้วยก็กระทบบ้าง เพราะรู้สึกไม่มั่นคงเรื่องรายได้ แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะทำงานต่อหรือออกไปเรียนอย่างเดียว คงต้องรอใกล้ๆ สิ้นปีที่โรงแรมจะปิดตัวอย่างเป็นทางการถึงจะตัดสินใจอีกครั้งค่ะ”

        ขณะที่อดีตพนักงานอย่าง กรองทอง เกิดนาค บอกว่า แม้ตอนนี้ไม่ได้เป็นพนักงานที่โรงแรมแล้ว แต่ก็รู้สึกเสียใจ เพราะเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่อยู่คู่คนไทยมานาน เป็นโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยสูงมาก 

        เธอบอกว่า หากพูดถึงปาร์คนายเลิศทุกคนจะนึกถึงความเรียบหรู ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัยสิ่งเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ สิ่งที่ประทับใจที่สุดที่ทำงานที่นี่คือ ในทุกวันประสูติของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ปาร์คนายเลิศจะส่งดอกไม้และขนมหวานซึ่งเป็น 2 ส่วนที่ขึ้นชื่อของโรงแรมเข้าไปถวาย ตลอดระยะเวลา 1 ปีเศษที่ทำงานมีโอกาสได้เป็นตัวแทนของโรงแรมนำเข้าไปถวายทุกพระองค์

36 ปี “ปาร์คนายเลิศ”เหลือไว้เพียงความทรงจำ

         “พอทราบเมื่อคืนที่ผ่านมาว่าโรงแรมจะปิดกิจการสิ้นปีนี้ รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เพราะที่นั่นเป็นโรงแรมที่ร่มรื่นมาก อากาศบริสุทธิ์ เหมือนเป็นป่าท่ามกลางตึกสูง ทำงานแล้วมีความสุข ถ้าเดินจากถนนด้านนอกเข้าไปจะรู้สึกถึงความแตกต่างทันที ทั้งยังมีต้นไม้ใหญ่อายุ 20-30 ปีอีกหลายต้นด้วย ถ้าคนที่ซื้อที่ดินไปปรับทำอย่างอื่นแล้วตัดต้นไม้พวกนี้ทิ้งคงจะน่าเสียดายมากแต่ไม่ใช่เฉพาะภายนอกห้องพักเท่านั้น เพราะภายในห้องพักก็ร่มรื่นไม่ต่างกัน แขกที่เข้าพักจะชอบมาก โดยเฉพาะฝรั่งและญี่ปุ่น เพราะบรรยากาศจะสบายๆ เหมือนอยู่ในสวน”

        อดีตพนักงานสาวที่เคยทำงานในโรงแรมแห่งนี้ช่วงปลายปี 2556-2558 บรรยายความเป็นเอกลักษณ์ของปาร์คนายเลิศได้ชัดเจนยิ่งนัก เพราะภายในอาณาบริเวณปาร์คนายเลิศ นอกจากความร่มรื่นจากแมกไม้ และความหอมสดชื่นของอากาศบริสุทธิ์ใจกลางเมืองแล้ว ยังมีเรื่องราวอีกมากมายบอกให้รู้ว่าโรงแรมหรูแห่งนี้มีส่วนผสมของประวัติศาสตร์เจืออยู่ด้วย เพราะหากย้อนประวัติของโรงแรมแห่งนี้อาจต้องเล่าย้อนไปถึงยุคสมัยที่ พระยาภักดีนรเศรษฐ หรือ เลิศ เศรษฐบุตร ผู้ก่อตั้งโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ และโรงเรียนสตรีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ เริ่มเปิดบริการรถเมล์นายเลิศ หรือรถเมล์ขาว เมื่อปีพ.ศ. 2428 และในห้วงเวลานั้นยังเริ่มบุกเบิกธุรกิจโรงแรมไปด้วย แต่เมื่อเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ธุรกิจโรงแรมมีอันต้องปิดกิจการไป

36 ปี “ปาร์คนายเลิศ”เหลือไว้เพียงความทรงจำ

 

          ต่อมา ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ  บุตรีของนายเลิศ ได้เข้ามาสานต่อกิจการของบิดา และเริ่มก่อตั้งโรงแรมปาร์คนายเลิศ ขึ้นมาเมื่อปี 2523 และมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารมาหลายช่วง  กระทั่งท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี  2553 โรงแรมปาร์คนายเลิศ ยังคงอยู่ภายใต้การบริหารของทายาทในครอบครัวหลายรุ่น ก่อนมาถึงยุคของ ณพาภรณ์ ซึ่งถือเป็นทายาทรุ่นสุดท้ายที่เข้ามาบริหารงาน (เปิดบ้านปาร์คนายเลิศ ลายกนก)

        ณ วันนี้ โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ยังคงเปิดให้บริการไปจนถึงสิ้นปี 2559 แต่หลังจาก 1 มกราคม 2560 โรงแรมหรูแห่งนี้จะกลายเป็นตำนานให้คนร่วมสมัยได้จดจารว่า ณ ที่แห่งนี้เคยมีสถาปัตยกรรมอันแสนงดงามที่มีชื่อติดปากว่า ปาร์คนายเลิศ ตั้งอยู่ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ