คอลัมนิสต์

พลิกแฟ้มคดีข่มขืนต่อเนื่อง6ปีฆาตกรยังลอยนวล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พลิกแฟ้มคดีข่มขืนต่อเนื่อง6ปีฆาตกรยังลอยนวล : เรื่องเล่าข่าวดัง โดยทัศชยันต์ วาหะรักษ์

“ทุกวันนี้ยังรู้สึกกลัว กังวล ยังไม่กล้าที่จะอยู่บ้านตามลำพัง กลางค่ำกลางคืนสำรวจแล้วสำรวจอีกว่าปิดประตูลงกลอนหน้าต่างแน่นหนาหรือยัง มันพะว้าพะวงไปหมด กลัวจะเกิดเหตุร้ายซ้ำอีก” นางวรรณา (นามสมมุติ) วัย 61 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม บอกถึงความกังวลในการใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่เคยเกิดเหตุคนร้ายข่มขืนหญิงสูงวัยต่อเนื่อง มีผู้เสียหายถึง 10 รายตกเป็นเหยื่อ ซึ่งจนถึงขณะนี้เวลาล่วงเลยมานานกว่า 6 ปี แต่ยังไม่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ ที่สำคัญคือยังไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าคนร้ายเป็นใครวรรณา บอกว่า ทุกวันนี้ยังต้องอยู่แบบหวาดผวา เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนร้ายจะหวนกลับมาก่อเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่อีก แต่ยังพออุ่นใจอยู่บ้าง เพราะตำรวจยังคงตระเวนตรวจตราอยู่ในพื้นที่ตลอดแทบทุกค่ำคืน ที่สำคัญมีกริ่งสัญญาณเตือนภัยที่มีการติดตั้งตามบ้านเรือนที่มีหญิงสูงอายุพักอาศัย ซึ่งมีการซักซ้อมอยู่บ่อยครั้ง

“ตำรวจเขาตระเวนดูความปลอดภัยอยู่ตลอด มีกริ่งสัญญาณติดอยู่ตามบ้านที่เป็นกลุ่มเสี่ยง บ้านฉันก็มีซึ่งยังใช้งานได้ดี แต่อย่างว่าคนระวังกับคนจ้องก่อเหตุ มันก็มีโอกาสที่พลั้งเผลอกันได้ ตราบใดที่ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ ฉันก็ยังไม่คลายวิตก มันไม่กล้าอยู่คนเดียวหรอก ทุกวันนี้ไม่อยู่บ้านคนเดียวมีลูกมีหลานอยู่ ส่วนคนอื่นที่เคยอยู่คนเดียวเขาก็ย้ายกันหมดนะ ทำให้บ้านหลายหลังถูกปล่อยว่างไม่มีคนอยู่อาศัย”นางวรรณา ให้ข้อมูล

พลิกแฟ้มคดีข่มขืนต่อเนื่อง6ปีฆาตกรยังลอยนวล

ซึ่งจริงอย่างที่หญิงสูงวัยรายนี้ให้ข้อมูล เพราะการสำรวจของทีมข่าวพบว่า ในพื้นที่ จ.นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ซึ่งเคยเกิดเหตุคนร้ายคนเดียวก่อเหตุข่มขืนหญิงสูงอายุถึง 10 ราย มีบ้านพักที่ถูกทิ้งร้างไม่มีคนอยู่อาศัยไม่น้อย โดยเฉพาะหลังที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไกลจากชุมชน

สำหรับบ้านเรือนที่เคยเกิดเหตุคนร้ายบุกข่มขืนผู้สูงอายุซึ่งประกอบด้วย หลังแรกในพื้นที่ สภ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 เวลา 23.00 น. หญิงวัย 70 ปี ตกเป็นเหยื่อ หลังที่ 2 ตั้งอยู่ในพื้นที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2553 เวลา 02.00 น. หญิงวัย 71 ปี ตกเป็นเหยื่อ หลังที่ 3 อยู่ในพื้นที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2555 เวลา 01.00 น. หญิงวัย 61 ปี ตกเป็นเหยื่อและเสียชีวิตจากการถูกกระทำ หลังที่ 4 อยู่ในพื้นที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2555 เวลา 03.00 น. (เวลาห่างจากคดีที่ 3 ประมาณ 2 ชั่วโมง จุดเกิดเหตุไม่ไกลกันมาก) เหยื่ออายุ 70 ปี หลังที่ 5 ตั้งอยู่ในพื้นที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2555 เวลา 03.00 น. เหยื่ออายุ 59 ปี หลังที่ 6 อยู่ในพื้นที่ สภ.บางคนที เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2555 เวลา 03.40 น. ผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออายุ 47 ปี หลังที่ 7 อยู่ในพื้นที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2556 เวลา 23.00 น. ผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออายุ 75 ปี หลังที่ 8 เกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2556 เวลา 00.30 น. ผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออายุ 78 ปี (เสียชีวิต) หลังที่ 9 ตั้งอยู่ในพื้นที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2557 เวลา 01.30 น. ผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออายุ 39 ปี และหลังที่ 10 อยู่ในพื้นที่ สภ.นครชัยศรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2558 เวลา 03.00 น. หญิงอายุ 70 ปี ตกเป็นเหยื่อ

“มันเหมือนฝันร้ายของครอบครัว แม้เวลาจะล่วงเลยมาระยะหนึ่งแต่ก็ยังทำใจไม่ได้ ยังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงเราเผลอเพียงชั่วครู่ เพราะในวันเกิดเหตุมีงานศพอยู่ใกล้บ้านเป็นโอกาสให้คนร้ายก่อเหตุได้ แม่ยังทำใจไม่ได้ ทุกวันนี้ต้องไปบวชชีถือศีล บ้านก็ปล่อยว่างไม่มีใครอยู่อาศัย ต้องปิดไว้ เพราะทำใจไม่ได้ อยากให้ตำรวจจับให้ได้โดยเร็ว เพราะตราบใดที่ยังจับตัวไม่ได้อดกังวลไม่ได้ว่าคนร้ายจะหวนกลับมาก่อเหตุอีก” ญาติหนึ่งในเหยื่อฆาตกรข่มขืนต่อเนื่อง บอก

บ้านที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ถูกปล่อยว่าง โดยเจ้าของบ้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุย้ายไปอยู่กับบุตรหลานในพื้นที่อื่น บางหลังถูกรื้อถอนเพราะเจ้าของเสียชีวิต ทำให้สถานที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของตัวบ้านถูกปกคลุมด้วยแมกไม้กลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า

นับจากคดีแรกจนถึงปัจจุบันเวลาล่วงเลยกว่า 6 ปี แต่หากนับย้อนไปในคดีหลังสุดเวลาล่วงเลยมาปีเศษ ตำรวจพยายามรวบรวมหลักฐานเพื่อควานหาตัวคนร้ายให้ได้ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าคนร้ายคือใคร มีเพียงภาพสเก็ตช์จากคำให้การของผู้เสียหายที่พอจะระบุรูปพรรณของคนร้ายได้เท่านั้น

แต่หลักฐานที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุทั้งคราบอสุจิ คราบเลือด ลายนิ้วมือแฝง ที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ นำไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า ดีเอ็นเอตรงกัน จึงเชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุเป็นคนเดียวกัน หลังเกิดเหตุมีการเชิญตัวชายต้องสงสัยซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่จำนวนหนึ่งไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อเทียบกับดีเอ็นเอคนร้ายแต่ยังไม่ตรงกับใคร

การสอบสวนผู้เสียหายให้ข้อมูลสอดคล้องกัน คนร้ายมีรูปร่างกำยำ สูงใหญ่ โดยสูงประมาณ 170 เซนติเมตร อายุประมาณ 40 ปีเศษ ผมยาว ร่างกายแข็งแรงไม่มีหน้าท้อง มีกล้ามท้องลักษณะซิกซ์แพ็ก มือหยาบกร้าน โดยในคดีหนึ่งมีการยึดกางเกงขาสามส่วนลายดอกทิ้งไว้ในจุดเกิดเหตุ มีเศษไม้อยู่ในกระเป๋า เศษไม้นี้อาจเป็นเศษไม้มะพร้าว หรือทุ่นของเบ็ด ตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายอาจมีอาชีพเกี่ยวกับการปีนต้นมะพร้าวหรืออาจเป็นผู้ที่นิยมการตกปลาทั้ง 10 คดี เหยื่อพักอาศัยอยู่ตามลำพังในบ้านที่ค่อนข้างห่างไกลจากหลังอื่นและอยู่ใกล้กับลำคลอง เวลาก่อเหตุมักเป็นเวลากลางดึก โดยในละแวกที่เกิดเหตุทั้ง 10 คดี เป็นพื้นที่ที่ผู้สูงอายุมักอาศัยอยู่ในบ้านตามลำพัง เนื่องจากลูกหลานออกไปทำงานที่อื่น

คดีหลังสุดผู้เสียหายอายุ 70 ปี เปิดร้านขายของชำอยู่ในพื้นที่ ต.ลานตากฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม การสอบปากคำเครือญาติให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุไม่นานเห็นชายต้องสงสัยขี่รถจักรยานรุ่นโบราณที่นิยมใช้บรรทุกมะพร้าวและผลิตผลทางการเกษตรในพื้นที่มายืนจ้องมองผู้เสียหายเป็นเวลานาน ตำรวจมีการตรวจสอบหาผู้ที่ใช้รถจักรยานคันนี้ และมุ่งไปยังกลุ่มผู้รับจ้างเก็บลูกมะพร้าว แต่ไม่ได้เบาะแสอะไรมากนัก

“ผมตามคดีนี้ตั้งแต่มารับตำแหน่งจนตอนนี้กว่า 5 ปีแล้ว ทุกวันนี้ยังตามอยู่ทุกครั้งที่มีการจับกุมคนร้ายที่เกี่ยวกับคดีข่มขืนผมจะไปดูผลตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับผลตรวจดีเอ็นเอคนร้ายที่ก่อคดี แต่ยังไม่ตรงกับใครเลย ผมทำทุกทางเพื่อจะยืนยันตัวบุคคลให้ได้ว่าคนร้ายคือใครและตั้งใจว่าจะต้องจับมาดำเนินคดีให้ได้” พ.ต.ท.ณรงค์ พรายบัว สว.สส.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสงคราม บอก

ตำรวจชุดสืบสวนรายนี้บอกด้วยว่า ที่ผ่านมาได้ตรวจสอบบุคคลในหลายอาชีพ ทั้งคนงานก่อสร้าง คนหาสัตว์น้ำ คนงานรับจ้างทั่วไป รวมถึงคนงานในสวน และบุคคลที่มีรูปพรรณสัณฐานตรงตามที่ผู้เสียหายยืนยัน แต่ยังไม่พบตัว ซึ่งยังมั่นใจว่าคนร้ายไม่น่าจะอยู่ในพื้นที่บางคนทีที่เกิดเหตุถึง 4 ครั้ง แต่เป็นคนที่เข้ามาในพื้นที่อยู่สม่ำเสมอเพราะพฤติการณ์การก่อเหตุน่าจะเฝ้าติดตามดูพฤติการณ์ของเหยื่อเป็นเวลานาน และเชื่อว่าก่อนก่อเหตุจะเข้ามาพักอาศัยอยู่ไม่ไกลจุดเกิดเหตุและทุกครั้งก่อนลงมือจะอาบน้ำชำระร่างกายก่อน เพราะเหยื่อทุกรายให้การตรงกันว่าคนร้ายไม่มีกลิ่นสาบติดตัว

สอดคล้องกับ พล.ต.ต.ปรัชญ์ชัย ใจชาญสุขกิจ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม ที่ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ทิ้งคดีนี้มีการติดตามคนร้ายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำควบคู่กับมาตรการป้องกันไม่ให้คนร้ายก่อเหตุซ้ำได้ โดยให้ตำรวจสายตรวจลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบ้านกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเป็นบ้านที่มีผู้สูงอายุอยู่เพียงลำพัง และห่างไกลจากชุมชน โดยให้เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ ทั้งช่วงเช้า กลางวัน และช่วงหัวค่ำ พร้อมทั้งให้ตำรวจพูดคุยกับประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต. กลุ่มสตรี กลุ่มผู้สูงอายุ โดยผ่านศูนย์ประสานงานอาชญากรรมประจำท้องถิ่น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็น และช่วยกันแจ้งเบาะแสคนแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่  
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ