คอลัมนิสต์

'ตำรวจ'ยศพ.ต.ท.ซ้อมเมียปางตาย!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ตำรวจ'ยศพ.ต.ท.ซ้อมเมียปางตาย!! : รายการคมชัดลึก

            จากกรณีตำรวจยศ พ.ต.ท.ทำร้ายร่างกายภรรยาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก ปอดฉีก ม้ามแตก เลือดคั่งในสมอง ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลสมุทรสาคร ล่าสุด พ.ต.ท.คนดังกล่าวได้เข้ามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหา โดยรับสารภาพว่าทำไปด้วยความโมโหที่ภรรยาจะพาลูกไปอยู่ที่อื่น และยังทวงเงินรายเดือน เดือนละ 1 หมื่นบาท ประกอบกับเครียดจากหน้าที่การงาน

            อู๊ด จันทร์สูตร แม่ของผู้เสียหายที่โดนทำร้าย กล่าวว่า ล่าสุดไปเยี่ยมลูกที่ห้องไอซียู ลูกยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เจาะคอ แพทย์บอกว่าอวัยวะภายในบอบช้ำมาก คิดไม่ถึงว่าลูกจะต้องมาพบกับเหตุการณ์อย่างนี้ แพทย์ที่รักษาบอกว่าจะรักษาให้ดีที่สุด

            ก่อนที่จะไปเยี่ยมลูก ได้ไปขอความช่วยเหลือจากนางปวีณาก่อน แล้วก็เล่าเรื่องให้ฟัง นางปวีณาก็ถามว่า อ้าว เคลียร์ให้แล้วทำไมยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้น หลังจากนั้นนางปวีณาพาไปเยี่ยมลูกสาวที่โรงพยาบาล และยังมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปด้วย

            ดิฉันคิดไม่ถึงเลยว่า ลูกสาวจะถูกสามีทำหนักขนาดนี้ ทั้งๆ ที่มีลูกด้วยกัน 2 คน

            เหตุผลที่ พ.ต.ท.ให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ นั้น ดิฉันไม่เชื่อว่า จะเป็นผลที่มาทำร้ายลูกสาวดิฉัน ก่อนหน้านี้เคยทราบว่าลูกสาวถูกสามีทำร้าย แต่รู้มาจากคนอื่น ลูกสาวไม่ได้เล่าให้ฟัง

            เคยเตือนลูกสาวหลายครั้งแล้วว่า เรื่องครอบครัวแม่ไม่อยากเข้าไปยุ่ง อยู่ที่ความพอใจของลูก ตัดสินใจเอง ถ้าทนไม่ไหวก็ให้เลิกกัน กลับมาอยู่บ้าน ไม่ต้องไปทนอยู่กับเขา ต้องอยู่ในสภาพที่ลำบาก ถูกทำร้ายร่างกาย

            วิเชียร มาน้อย น้องชายผู้เสียหายที่โดนทำร้าย กล่าวว่า อาการของพี่สาวยังไม่ดีขึ้น ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

            ตั้งแต่เกิดเรื่อง พ.ต.ท.คนดังกล่าว ไม่เคยติดต่อกับทางครอบครัวเลย ไม่เคยเอ่ยปากขอโทษ ก่อนที่จะเกิดเหตุครั้งนี้ ทราบมาบ้างว่าพี่สาวถูกสามีทำร้ายแต่ไม่หนักขนาดนี้ พี่สาวเคยกลับบ้านในสภาพที่ต้องใส่เฝือกคอมาด้วย ผมถามว่า เกิดอะไรขึ้น แต่พี่สาวไม่ตอบ

            ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงผู้เสียหายเป็นอย่างมาก ก็คงจะต้องติดต่อสอบถามอาการจากแพทย์ผู้รักษาทุกวัน อีกเรื่องที่เป็นห่วงก็คือลูก 2 คน ของผู้เสียหาย

            ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม ผู้เสียหายได้ไปพบในสภาพร่างกายมีรอยฟกช้ำ ดิฉันก็ประสานไปยังตำรวจ และ พม.เพื่อให้เข้าไปดูแลให้ ซึ่งทราบว่าได้มีการลงบันทึกไว้ว่าทั้งสองแยกทางกัน เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็คิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว แต่หลังจากนั้นฝ่ายชายได้ไปง้อขอคืนดีให้ภรรยากลับไปอยู่กินด้วยกันอีก จึงเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมาอีก

            ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม แม่ของผู้เสียหายก็มาพบแล้วก็เล่าเรื่องให้ฟัง มาขอความช่วยเหลือ

            หากสุภาพสตรีท่านใดประสบกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ ให้ร้องเรียน ร้องทุกข์ แจ้งความลงบันทึกประจำวันทันที อย่าให้เกิดขึ้นอีก โดยไปที่โรงพัก หรือ พม. หรือมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อจะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ไม่ควรที่จะทนอยู่ แล้วถูกทำร่างกาย ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขณะนี้มี พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ที่ดำเนินคดีกับผู้กระทำ

            กรณีผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถเข้าร้องเรียนได้นั้น คนใกล้ชิด ญาติ รวมทั้งผู้ที่พบเห็น ก็สามารถร้องเรียนได้ ไม่ควรนิ่งเฉย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ