คอลัมนิสต์

เต้นรำกับหมาป่าและโลนวูล์ฟ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เต้นรำกับหมาป่าและโลนวูล์ฟ : กระดานความคิด  โดยคนที วิถีไทย

           หนังคาวบอยตะวันตก ที่ผลิตจากอุตสาหกรรมฮอลลีวู้ดหลายสิบปีที่ผ่านมา แทบทุกเรื่องสะท้อนให้เห็นความป่าเถื่อนของชนเผ่าอินเดียนแดง ที่เป็นผู้ปล้นสะดม ไล่ล่าคนขาวผู้มาเยือนจากโลกตะวันตก และกระทำย่ำยีต่อเหยื่ออย่างผิดมนุษย์ด้วยการถลกหนังหัว

           แต่ในหนังสือ “ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี” ประวัติศาสตร์อเมริกัน บนโศกนาฏกรรมอินเดียน คือบันทึกที่บอกเล่าเรื่องราวความทารุณโหดร้าย เจ้าเล่ห์ เอาเปรียบ ของคนขาวชาวตะวันตก ซึ่งเป็นผู้รุกรานถิ่นฐานของอินเดียนนับตั้งแต่เมื่อประมาณ 400 ปีก่อน กินเวลายาวนานคาบเกี่ยวสงครามกลางเมือง

           กองทัพของคนขาว มีอาวุธปืนยาวที่เปี่ยมประสิทธิภาพมากกว่า ลูกธนู และเวทมนตร์คาถาของชนเผ่าต่างๆ นั่นยิ่งเสริมให้พวกเขากระทำการที่เหี้ยมเกรียมเสียยิ่งกว่า ด้วยการผลาญคร่า เด็ก ผู้หญิง และคนแก่ อย่างไร้ปรานี

           บันทึกผ่านโลกเซลลูลอยด์ เหมือนฟิลม์เนกาทีฟ ด้วยเรื่องราวที่นำเสนอความดิบเถื่อนของอินเดียนนั้น แท้แล้วเป็นการกระทำของคนขาวเสียมากกว่า อย่างเช่น การถลกหนังหัว ตัดองคชาต เฉือนอวัยวะสืบพันธ์ุของหญิงอินเดียมาแปะไว้บนหมวก

           พวกเขาเห็นคนพื้นเมืองไม่ต่างไปจากฝูงสัตว์ เช่น ควายป่า ซึ่งมักถูกล่าเป็นอาหารในยุคนั้น

           ซึ่งระยะเวลาการต่อสู้ด้วยธนู และหัวใจอันแกร่งกล้าดั่งหินผา ในห้วงเวลาอย่างน้อย 3 ศตวรรษ กลับมอบความสูญเสียให้แก่เผ่าพันธ์ุเจ้าของถิ่นไว้อย่างเลวร้ายถึงสูญสิ้นเผ่าพันธ์ุ

           หนังสือเล่มนี้จะว่าไปก็เหมือนยาหม้อใหญ่ ทั้งความหนาและเนื้อหาที่เดาเอาว่าท่าจะหนักสาหัส แต่ในบรรยากาศที่อเมริกันชนให้โอกาสมนุษย์สุดโต่งอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน เข้าแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขณะที่สงครามโลกยุคใหม่ ซึ่งบรรเลงกันอยู่ด้วยการประหัตประหารกันระหว่างเผ่าพันธ์ุและลัทธิศาสนา ภายใต้วิธีการ "ก่อการร้าย” กำลังระอุเดือด

           ถ้าหากจะได้ทำความรู้จักประวัติศาสตร์ของชนชาติอเมริกันผ่านงานเขียนชิ้นนี้ ก็น่าจะพอปะติดปะต่อเรื่องราวเห็นภาพได้ในเวลาสั้นๆ ในห้วงยามหนึ่ง ซึ่งจำต้องจับจ้องไปที่ความเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้ ที่ดูเหมือน การสู้รบเพื่อปลดปล่อยเผ่าพันธ์ุจากพันธนาการของชาติตะวันตกนั้น สามารถลงมือได้เพียงลำพังอย่างที่เรียกผู้ลงมือปฏิบัติการกันว่า “โลนวูล์ฟ”

           บันทึกจากอดีตที่เริ่มต้นนับหนึ่งกันในห้วงทศวรรษที่ 16-17 ซึ่งระยะเวลาได้ล่วงเลยมาแสนนานจนอาจทำให้เชื่อได้ว่า วิวัฒนาการแห่งมวลมนุษยชาติจะกลบกลืนความดิบเถื่อนของลัทธิล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก แต่การณ์กลับเป็นตรงกันข้าม เพราะวิธีรุกรานถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นไปอย่างแยบยล

           ความชิงชังในหมู่มวลมนุษยชาติปัจจุบันได้ก้าวข้ามอาณาเขตทางภูมิศาสตร์อันเคยขีดคั่นเป็นประเทศ สัญชาติ หรือแม้แต่เชื้อชาติ สู่ลัทธิความเชื่อ และย้อนหลังกลับไปถึงเงื่อนปมทางประวัติศาสตร์ร้อยปีที่ถูกผูกเอาไว้ด้วยการย่ำยีบีฑา

           อินเดียน คือผู้ถูกล่าในภาพยนตร์ “เต้นรำกับหมาป่า – Dances With Wolves” ไม่ต่างไปจากหมาป่า ตัวที่ทหารอเมริกัน คนแปลกถิ่น ผู้เลือกรับปูนบำเหน็จด้วยการขอปลีกวิเวกไปในดงอินเดียนทางตะวันตก พยายามทำความคุ้นเคย แต่แล้วที่สุดมันถูกปลิดชีพด้วยกระสุนของคนขาว

           แม้หมาป่า ซึ่งมีนัยซ้อนทับอยู่กับชนเผ่าเจ้าถิ่นอย่างอินเดียน แตกต่างออกไปจากโลนวูล์ฟ ที่ถือกำเนิดในอีก 3 ศตวรรษถัดมา

           แต่สถานะของความเป็นนักล่ากับผู้ถูกล่า กลับยังดำเนินสืบไป ในก้าวย่างที่มวลมนุษยชาติล้วนตกเป็นเหยื่อ

           

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ