คอลัมนิสต์

วิบากกรรมเบนซ์โบราณ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วิบากกรรมเบนซ์โบราณ : ขยายปมร้อนโดยศรายุทธ สายคำมี

            แล้วก็มาถึงจุดนี้กันจนได้ สำหรับรถเบนซ์โบราณที่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

            ถึงจุดที่ว่า ดีเอสไอกำลังจะสรุปสำนวน ที่เมื่อถึงเวลานั้น ก็ต้องไปแจ้งข้อกล่าวหาสมเด็จช่วง

            เห็นว่าดีเอสไอเตรียมแจ้งเอาผิด 2 ข้อหา 

            1.ร่วมกันครอบครองซึ่งสินค้าที่รู้ว่าไม่เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ผิด พ.ร.บ.สรรพสามิต 2527 มาตรา 161(1) และกฎหมายอาญา มาตรา 83

            2.ร่วมกันแจ้งข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ และแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่ ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 137 และมาตรา 267 ประกอบมาตรา 83

            ตรงกันเป๊ะๆ กับ นางสมบูรณ์ พื้นทอง ที่ยกคณะ 15 ชีวิต ไปที่ดีเอสไอ เพื่อยื่นหนังสือกล่าวโทษสมเด็จช่วง

            เพราะจะว่าไปแล้ว การ “แจ้งเท็จ” นั้น มันมีเรื่องอายุความเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ประชาชนคนกลุ่มนี้คงจะเข้าไปแจ้งเอาไว้เพื่อให้อายุความยังมีอยู่

            ประมาณว่า กันไว้ดีกว่าแก้

            แต่เรื่องนี้สาระสำคัญอยู่ที่ว่า สมเด็จช่วงครอบครองรถเบนซ์คันที่ว่านั้นจริง!

            ดูได้จากเอกสารหลักฐานที่นำมาแสดง ก็เป็นไปตามนั้น แถมยังเซ็นเช็คซื้อรถ 1 ล้านบาท ดูจากสำเนาที่ ไพบูลย์ นิติตะวัน เอาไปยื่นให้มหาเถรสมาคมตรวจสอบว่า สมเด็จช่วงร่ำรวยเงินทองมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร

            แต่ดีเอสไอดันไปตรวจไปเช็กเจอว่า จริงๆ รถเบนซ์มันราคา 4 ล้านบาท แต่จ่ายแค่ล้านเดียว ก็เพื่อมุ่งหวังบางอย่าง

            นั่นก็เป็นอีกเรื่อง!

            ก็ว่ากันไปตามแต่จะสืบสาวเอาความกันอย่างไร

            ที่แน่ๆ มาวันนี้คงจะยากแล้วที่สมเด็จช่วงจะไปถึงตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราช

            แค่คนซุบซิบนินทา ประมาณว่า “โลกติเตียน” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังบอกเลยว่า จะไม่นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย

            แต่นี่ทำท่าว่าจะได้คดีความอยู่วันสองวันนี้ มีหรือ พล.อ.ประยุทธ์จะกล้าเอาเรื่องแบบนี้ไปทูลเกล้าฯ ถวาย

            หากสู้กันถึงที่สุดแล้ว ถ้าเกิดสมเด็จช่วงหาข้อมูลหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาของดีเอสไอไม่ได้ โทษมันไม่ใช่แค่ปรับ แต่มันถึง “คุก”

            ถึงจะคุก 6 เดือน หรือ 3 ปี มันก็คือ “คุก”

            แต่ถ้าไปฟังจากเสียงคนที่เดินเครื่องเรื่องนี้แล้ว เขาบอกมาว่า คงไม่เอากันถึงตายหรอก เอาแค่ว่า รู้ผิด รู้ถูกก็พอแล้ว

            จะมีก็แต่พวกลูกหาบที่เที่ยวไปโพสต์ที่นั่นที่นี่ ทำทีทำท่าว่าจะปลุกม็อบนี่แหละ ที่เขาจะเรียกมาสั่งสอน

            ไม่ใช่คิดเองเออเอง สรุปความตั้งแต่ยังไม่ถึงศาลว่า มีขบวนการใส่ร้ายป้ายสี ทั้งที่กฎหมายเบื้องต้นเขาก็เขียนไว้โทนโท่ว่า ห้ามนำรถยนต์เก่าเข้าประเทศ

            ส่วนที่เอาเข้ามาได้ ก็มีบางประเด็นที่เขาเว้นไว้ให้

            แต่บางประเด็นที่ว่านั่น ไม่ได้เข้ากับประเด็นที่สมเด็จช่วงจ่ายเช็คไป 1 ล้านบาท เพื่อซื้อรถเบนซ์คันนี้แม้แต่น้อย

            จะว่าไปเงิน 1 ล้านบาท ก็เป็นเงินไม่ใช่น้อย ถ้าไม่รักไม่ชอบจริงๆ ก็คงไม่ลงทุนควักกระเป๋า

            มันมีเรื่องเล่ามาว่า มีพระบางรูป สมัยหนุ่มๆ ก็ชมชอบเบนซ์รุ่นนี้อย่างฝังอกฝังใจ

            น่าแปลกตรงที่ดีเอสไอแถลงเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า เลขตัวรถเบนซ์ของสมเด็จช่วง ในชั้นสืบสวนเชื่อว่า เดิมรถมีตัวถังสีแดงเลือดหมู หมายเลขตัวรถ 186.011.5500202 ผู้นำเข้าได้นำมาพร้อมอุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ เพื่อมาใช้ประกอบกับซากรถยนต์ตัวรถ หมายเลข 186.014.00420/53 ซึ่งมีอยู่แล้วในประเทศไทย

            มันบังเอิญจริงๆ!
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ