คอลัมนิสต์

ใครจะโง่พูดเพื่อผูกมัดตัวเอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ใครจะโง่พูดเพื่อผูกมัดตัวเอง : ขยายปมร้อน สำนักข่าวเนชั่น โดย ประพันธ์ จินดาเลิศอุดมดี

            ยิ่งนับถอยหลังใกล้ถึงวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 7 สิงหาคม มากเท่าไหร่ คำถามที่ประชาชนคนไทยอยากรู้มากที่สุดในเวลานี้คงหนีไม่พ้น สุดท้ายแล้วร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือว่าไม่ผ่านประชามติ 

            ซึ่งแน่นอนว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านนั้น ทุกอย่างก็จะเดินไปตามขั้นตอนของโรดแม็พที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน นั่นก็คือเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง แต่ถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ตรงนี้ต่างหากที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า สุดท้ายแล้วประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใด

            ขณะที่การเคลื่อนไหวของ “พลเมืองผู้ห่วงใย” คงปฏิเสธไม่ได้ว่าน่าจับตามองมากที่สุดแล้วในนาทีนี้ เพราะเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มเครือข่ายหลายภาคส่วน ทั้งเครือข่ายพลเมือง และนักวิชาการหลากหลายสถาบัน ออกแถลงการณ์ร่วมกันถึงท่าทีต่อการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
 
            ที่ว่าน่าจับตามองก็เพราะรายชื่อ “พลเมืองผู้ห่วงใย” ที่โผล่มาในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันออกเสียงประชามตินั้น ปรากฏชื่อของแกนนำ 2 พรรคการเมืองใหญ่ด้วย ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย 
 
            พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายเกียรติ สิทธีอมร และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช

            ส่วนพรรคเพื่อไทย อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายโภคิน พลกุล คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายภูมิธรรม เวชยชัย

            เมื่อรวมกับพรรคขนาดกลางอย่างพรรคชาติไทยพัฒนา อาทิ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และนายนิกร จำนง รวมทั้งนักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยแล้ว ยิ่งต้องจับตา

            ถ้อยแถลงที่ถือเป็นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ หากวิเคราะห์กันจริงๆ แล้วคงต้องบอกว่า เนื้อหาของข้อ 3 ที่ระบุว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติควรมีกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากฉันทามติของประชาชนนั้น

            เป็นหมัดตรงที่ส่งถึงคสช.โดยเฉพาะ เดินเกมบีบคสช.พูดให้ชัดก่อนถึงวันออกเสียงประชามติว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามตินั้น คสช.เตรียมทางออกไว้อย่างไรบ้าง
 
            หรือหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 จะแก้ไขเพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร กระบวนการร่างจะเกิดขึ้นด้วยวิธีใด จะตั้งขึ้นมาในรูปแบบของกรรมการโดยหัวหน้าคสช. หรือให้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้เสนอชื่อและเห็นชอบ รวมถึงจะต้องใช้เวลาในการร่างใหม่อีกนานเท่าไหร่ และสุดท้ายแล้วจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นภายในปี 2560 ตามโรดแม็พของคสช.หรือไม่

            เรียกได้ว่า เป็นการจี้คสช.ตรงๆ แรงๆ เพื่อให้คายโมเดลร่างรัฐธรรมนูญที่อุบเอาไว้ออกมาให้ได้เห็นกันเสียทีว่า รูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหนกันแน่

            เพราะหากจะว่ากันตามตรงแล้ว ข้อเรียกร้องของ “พลเมืองผู้ห่วงใย” นั้น ล้วนเป็นข้อเรียกร้องที่หลายฝ่ายต่างเรียกร้องไปยังคสช.มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ทั้งข้อดีและข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญก่อนจะตัดสินใจลงคะแนนเสียงประชามติว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
 
            จนแล้วจนรอด ถึงนาทีนี้ก็ยังไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ จากคสช. อาจจะเป็นเพราะกลัวว่า หากแสดงท่าทีอะไรออกมาแล้วพลาด ย่อมจะส่งผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนประชามติในทางใดทางหนึ่งนั่นเอง แต่ไม่ว่าผลประชามติจะออกมาอย่างไร แน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยและกลุ่มนปช.ที่คสช.มองว่าเสียประโยชน์พราะถูกกองทัพยึดอำนาจนั้น หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่เอาด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่ฝ่ายคัดค้านจะเดินหน้ารณรงค์ว่า หากไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ และไม่อยากเห็นการสืบทอดอำนาจ ต้องออกมาช่วยกันโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ
 
            ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนก็รณรงค์ให้ประชาชนโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญ โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อที่ประเทศจะได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและเป็นประชาธิปไตยเสียที
 
            เมื่อเป็นแบบนี้ก็แน่นอนว่า ทั้งกลุ่มนปช.และกลุ่มกปปส.ย่อมต้องสนับสนุนฝ่ายตัวเอง ดังนั้น ตัวแปรสำคัญที่จะมาชี้ขาดจึงหนีไม่พ้นคนกลางที่ยังไม่ตัดสินใจ

            ซึ่งปัจจัยที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจของประชาชนนั้น วันนี้ไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว

            เพราะประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์เท่านั้น เพื่อสะท้อนถึงผู้บริหารประเทศว่า ถึงเวลาที่จะต้องหันมามองปากท้องของประชาชนก่อนเป็นอันดับแรกได้แล้ว

            แต่ที่แน่ๆ คือ การจะให้คสช.พูดแบบชัดถ้อยชัดคำว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติแล้วจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรนั้น เลิกคิดได้เลยเพราะคงไม่มีใครโง่พอที่จะพูดเพื่อผูกมัดตัวเอง
 
 
 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ