
“ทักษิณ-ธัมมชโย”ยุทธศาสตร์ร่วม“รอเลือกตั้ง”
ข้อเรียกร้องของคณะศิษย์วัดพระธรรมกาย หากตัดคำว่า “หลวงพ่อ” ออกไป มันก็คือแถลงการณ์ของ นปช. หรือพรรคเพื่อไทย
แถลงการณ์ของคณะศิษย์วัดพระธรรมกาย ในวันที่ดีเอสไอ ยกกำลังเข้าไปตรวจค้นจับกุมพระธัมมชโย กลายเป็นประเด็น “การเมือง” ไปในทันที โดยเฉพาะประโยคนี้
“หลวงพ่อควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยการมอบตัวก็ต่อเมื่อบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ คือเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แล้วเท่านั้น เพราะการที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ย่อมทำให้ขาดหลักประกันสิทธิเสรีภาพในกระบวนการยุติธรรม”
ข้อเรียกร้องดังกล่าวข้างต้น หากตัดคำว่า “หลวงพ่อ” ออกไป มันก็คือแถลงการณ์ของ นปช. หรือพรรคเพื่อไทย
ทำไมลูกศิษย์หลวงพ่อ ต้องรอตอนที่บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย? ลองดูคำตอบในอดีต
สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย
18 มีนาคม 2555 วัดพระธรรมกาย มูลนิธิธรรมกาย และองค์กรภาคีเครือข่ายกว่า 40 องค์กร ปิดถนนราชปรารภ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 22,600 รูป ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
สมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน
19 พฤษภาคม 2551 วัดพระธรรมกาย จัดงานเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา
ทักษิณ ชินวัตร ที่่เพิ่งเดินทางกลับเมืองไทยในเวลานั้น ได้มาเป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยน้องเขย - สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
17-18 กรกฎาคม 2549 กระทรวงมหาดไทย ระดมผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศกว่า 8 หมื่นคน เข้าร่วมงานโครงการ “รวมใจทุกศาสนาพัฒนาท้องถิ่นไทยถวายองค์ราชาครองราชย์ 60 ปี” ที่วัดพระธรรมกาย
ห้วงเวลานั้น รัฐบาลทักษิณ กำลังเผชิญหน้ากับมวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พรรคไทยรักไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลรักษาการ จึงต้องแสดงพลังมวลชนให้ฝ่ายต่อต้านได้ประจักษ์เหมือนกัน
เย็นวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 “ทักษิณ” รักษาการนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้เป็นผู้กล่าวนำในการจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11
ทั้งหมดนี้ ก็สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์อันดี ระหว่างวัดพระธรรมกาย กับเครือข่ายการเมืองของ “ทักษิณ”
ในฐานะนักกลยุทธ์ที่ช่ำชอง “พระธัมมชโย” รู้ดีว่า หากศึกครั้งนี้ ยืดเยื้อไปจนวันเลือกตั้ง ก็จะเป็นผลดีแก่ฝ่ายวัดพระธรรมกาย
ถ้าพรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะในสมรภูมิเลือกตั้ง และกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คดีความที่เกี่ยวกับหลวงพ่อก็คงจะหาทางออกได้ ศิษยานุศิษย์จึงลั่นคำว่า “จะกลับมาเมื่อมีประชาธิปไตยสมบูรณ์”
เวลานี้ “พระธัมมชโย” กับ “ทักษิณ” คงคิดเหมือนกันคือ “รอเวลาเลือกตั้ง” และเชื่อมั่นในความเป็น “เจ้าแห่งลัทธิการตลาด” ที่จะทำให้พรรคเพื่อไทย กวาดเก้าอี้ ส.ส.มาเป็นกอบเป็นกำ
อาวุธที่มีพลานุภาพของ “คนแดนไกล” คือ สื่อโซเชียลออนไลน์ ไม่ต้องจัดประชุม ไม่ต้องจัดชุมนุม เพียงแต่ส่งผ่าน “ชุดความคิด” ไปทางเฟซบุ๊ก , ไลน์ และยูทูบ ก็ถึงทุกครัวเรือนรากหญ้า
คนชนบทวันนี้ ทีวีดาวเทียมไม่มีความหมาย เพราะพวกเขามีสมาร์ทโฟน ที่รับ “สาร” จากเจ้าลัทธิได้ตลอดเวลา
ถึง “ลุงตู่” จะยึดทีวีทุกช่อง ส่งเสียงเจื้อยแจ้วทุกคืนวันศุกร์ก็ไม่มีผล เพราะพวกเขาปิดทีวี ไปอ่านเฟซบุ๊ก
สงครามมวลชนไปไกลมากแล้ว หาก “ลุงตู่” ไม่ปรับยุทธศาสตร์ ก็มีโอกาสพ่ายแพ้แก่เจ้าแห่งลัทธิการตลาดในสมรภูมิเลือกตั้งอีกครั้ง