นักปั่นยิ้ม พิธีรับสิ่งของพระราชทาน"สะดวก-ไม่ต้องรอนาน"

วันที่ 2 ธันวาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันสุดท้ายของพิธีรับมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนทั่วไปที่เข้ากิจกรรม Bike อุ่นไอรัก สำหรับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่สนามศุภชลาศัย ว่าเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนรับสิ่งของพระราชทานตั้งแต่เวลา 06.30 น. ก่อนเวลาเดิมที่กำหนดไว้ในเวลา 08.00 น เพื่อให้ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม Bike อุ่นไอรัก ได้รับมอบสิ่งของพระราชทาน ซึ่งประกอบด้วย เสื้อ และTag จักรยาน ครบตามจำนวนคนที่ลงทะเบียนไว้ 102,600 ราย หลังจากที่ในวันแรก มีประชาชนเข้ารับพระราชทานสิ่งของจำนวน 42,571 คน จากจำนวนที่ลงทะเบียนไว้ทั้งสิ้น 50,000 ราย

    ทั้งนี้ ประชาชนผู้เข้าร่วมกิจกรรม Bike อุ่นไอรัก ที่ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่หมายเลข 50,001-102,600 รวมถึงผู้ตกค้างจากวันแรก เนื่องจากไม่ได้มารับสิ่งของพระราชทานตามกำหนด ต่างทยอยเดินมารับสิ่งของพระราชทานอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ศูนย์ต่อต้านก่อการร้ายสากล (ศตก.) กองพันระวังป้องกัน และสารวัตรทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย มีการสแกน และตรวจกระเป๋าเพื่อความปลอดภายในบริเวณทุกจุด  ขณะที่ขั้นตอนการรับสิ่งของพระราชทานตั้งแต่ประตูทางเข้า จุดตรวจ จุดลงทะเบียน จนถึงจุดรับสิ่งของพระราชทานในสนามศุภชลาศัย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สะดวกรวดเร็ว 

นายสงคราม แก้วศรีราวงษ์

    นักปั่นรุ่นใหญ่ นายสงคราม แก้วศรีราวงษ์ อายุ 73 ปีเดินทางมาจากบ้านย่านพุธมณฑล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ตัวเองมีนัดเข้าสิ่งของพระราชทานที่สนามศุภชลาศัย เวลา 14.00 น. โดยตัวเองสวมใส่เสื้อเหลืองพร้อมแต่งกายสุภาพเพื่อให้เกียรติการรับมอบเสื้อพระราชทาน เดินทางออกจากบ้านย่านพุทธมณฑล จอดรถส่วนตัวบริเวณริมถนนข้างสนามศุภชลาศัย สะดวกมาก โดยไปถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่ก็คอยอำนวยความสะดวก แนะนำให้เข้าไปด้านในตามลำดับขั้นตอนได้ทันที ไม่ต้องรอนาน ส่งหลักฐานบัตรประชาชน ได้รับเสื้อจักรยานไซส์ M จากนั้นไปยืนถวายความเคารพ รับเสื้อจากพาน โดยใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที จัดระบบรวดเร็วดี บรรยากาศก็คึกคักมีคนทุกเพศทุกวัยมารับสิ่งของพระราชทาน
    "ครั้งนี้ลงปั่นไบค์ อุ่นไอรัก ในเส้นทางสนามหลวง ทราบว่า เป็นขบวน F สนามหลวง ระยะทาง 11 กม.เส้นทางตั้งแต่ สนามหลวง-แยก นรด.-แยก SAB-สะพานพระปกเกล้า-แยกบ้านแขก-ถ.อิสรภาพ- ถ.ท่าดินแดง -สะพานพุทธ-ถ.มหาราช-ถ.หน้าพระธาตุง-สนามหลวง วันที่ 2 ก็ร่วมซ้อมใหญ่  ไปที่จุดรายงานตัว สนามหลวง ตรงข้าม ม.ธรรมศาสตร์ ภูมิใจที่จะได้ร่วมเป็น 1ใน 2 หมื่นคนของผู้ปั่นขบวน F วันจริงตั้งใจจะเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในจุดที่เจ้าหน้าที่แนะนำด้วย ถึงตนไม่ได้ปั่นครบ 39 กิโลเมตร แต่ตอนนี้ซ้อมปั่นจักรยานที่บ้านทุกเย็น เริ่มจากปั่นวอร์มร่างกายกับเครื่องปั่นจักรยาน จากนั้นต่อด้วยปั่นจักรยานรอบหมู่บ้าน ตนชอบออกกำลังกาย เคยร่วมปั่นเพื่อพ่อ ปั่นเพื่อแม่ และเป็นจิตอาสาพระราชทานงานพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 ครั้งนี้ก็สมัครปั่นไบค์ อุ่นไอรักทันที อยากแสดงความภักดีสถาบันพระมหากษัตริย์และตอบแทนคุณแผ่นดิน รวมถึงปั่นจักรยานรณรงค์อนุรักษ์คูคลองในกรุงเทพฯ ด้วย " นายสงคราม กล่าว

นายภักดี ไชยพิณ

    แม้ว่าร่างกายพิการเดินไม่ได้ แต่เพราะมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นแรงบันดาลใจ ได้เห็นพระองค์ทรงปั่นจักรยาน ทำให้ นายภักดี ไชยพิณ อายุ 31 ปี ผู้พิการนั่งวีลแชร์ ตัดสินใจลงชื่อสมัครเข้าร่วกิจกรรมครั้งนี้ด้วย โดยเจ้าตัวเล่าว่า เดินทางมาจากอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ด้วยการเลือกใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส  ซึ่งออกจากบ้านเวลา 10.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงสนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัยฯ ถึงแม้ว่าจะมีประชานจำนวนมากแต่ขั้นตอนการเข้ารับสิ่งของพระราชทานกลับไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก จึงใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้รับสิ่งของพระราชทานเรียบร้อยแล้ว
    และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะเข้าจุดปั่นช่วงไหน นายภักดี บอกว่าลงชื่อไว้ที่จุดพระประแดง อาเขต และตั้งใจว่าจะร่วมขบวนปั่นไปจนถึงจุดหมายปลางทางที่สวนลัดโพธิ์ โดยขณะนี้ก็ได้เตรียมความพร้อมของร่างกายไว้บ้างแล้ว

นางสาวสุรีย์รัตน์ บุญซ้อน

    เช่นเดียวกับ นางสาวสุรีย์รัตน์​ บุญซ้อน ครูสาวโรงเรียนเอกชนย่านบางเขน เล่าถึงความประทับใจในวันนี้ว่า การจัดการระบบของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยสะดวกสบายมาก ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้รับสิ่งของพระราชทานแล้ว
    “โดยปกติตัวเองเป็นคนชอบออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะการปั่นจักรยาน และกิจกรรมปั่นจักรยานสองครั้งก่อนก็ได้เข้าร่วมด้วยเช่นกัน แต่ร่วมที่จังหวัดสิงห์บุรี ดังนั้น ครั้งนี้พอทราบข่าวก็รีบลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ทันที เพราะรู้สึกว่านอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความรักความสามัคคีของคนไทยด้วย จึงตั้งใจว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมปั่นตั้งแต่บริเวณหน้าพระลานพระราชวังดุสิตไปจนถึงคลองลัดโพธิ์ แต่ทั้งนี้ก็ต้องประเมินในวันจริงด้วยว่า ร่างกายตัวเองจะมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด” ครูสาวผู้รักการปั่นกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

    นอกจากนี้ภายในบริเวณสนามศุภชลาศัยฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานครัวพระราชทานสำหรับบริการอาหารและน้ำดื่มให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนที่มาร่วมพิธีฯ รวมทั้ง มีการจัดสินค้าและการบริการ จากกรมการค้าภายใน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กระทรวงแรงงาน และจากภาคเอกชนต่าง ๆ รวมไปถึงการแสดงดนตรี จากกองบัญชาการกองทัพไทย และสามเหล่าทัพ มาบริการประชาชนที่เดินทางมารับสิ่งของพระราชทานอีกด้วย ขณะที่ด้านนอกสนามกีฬาศุภชลาศัย มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้านำอุปกรณ์และเครื่องประดับสำหรับปั่นจักรยาน อาทิ หมวก, ปลอกแขนกันแดด, แว่นตากันแดด, ริบบิ้นลวดลายธงชาติ,​ ธงชาติสำหรับติดแฮนด์จักรยาน เป็นต้น มาวางจำหน่าย ซึ่งได้รับความสนใจจากนักปั่นทุกเพศทุกวัย