สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ

         เวลา 10.43 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมาน บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
          เมื่อ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณพลอยไพลิน เจนเซน คุณสิริกิติยา เจนเซน เฝ้าฯ ทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จฯ
          จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งประดิษฐานในบุษบกแว่นฟ้าเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ประดิษฐานบนพระแท่นมหาเศวตฉัตร ทรงกราบ พระสงฆ์ 30 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. ถวายพรพระ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน เสร็จแล้ว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา
          สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม พระราชาคณะถวายศีล พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 จบ แล้วถวายอนุโมทนา พระสงฆ์ 4 รูป รับอนุโมทนา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์ที่ถวายพระธรรมเทศนา และรับอนุโมทนารวม 5 รูป สดับปกรณ์ ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา แล้วเจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 89 รูปเท่าพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ สวดมาติกา จบ พระสงฆ์สดับปกรณ์เป็นเที่ยวๆ เที่ยวแรก 12 รูป สดับปกรณ์แล้ว ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เที่ยวต่อไปเที่ยวละ 11 รูป จำนวน 7 เที่ยว ขึ้นสดับปกรณ์แล้วลงจากพระที่นั่ง
          ระหว่างพระสงฆ์รับพระราชทานฉันในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าพนักงานเทียบพระที่นั่งราเชนทรยานสำหรับอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ไว้ที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ตั้งริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในถนนอมรวิถี เริ่มจากทางแยกหน้าประตูพิมานไชยศรีถึงหน้าประตูกำแพงแก้วพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตำรวจหลวง มหาดเล็กเป็นคู่แห่ 4 สาย นายทหารราชองครักษ์เป็นคู่เคียงพระที่นั่งราเชนทรยานทรงพระโกศพระบรมอัฐิ พร้อมด้วยเครื่องอภิรุมชุมสายมโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ พระกลด บังพระสูรย์ พัดโบก ภูษามาลาประคอง และมหาดเล็กพระราชพิธีอัญเชิญเครื่องพระบรมราชอิสริยยศไว้พร้อม
          จากนั้น เลขาธิการพระราชวัง กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ เชิญเสด็จและยาตราริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โดย ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดา ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพอลอดุลยเดช เป็นผู้อัญเชิญเครื่องทองน้อย ขณะที่เจ้าพนักงานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ลงจากบุษบกแว่นฟ้าเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล ออกทางพระทวารพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมุขตะวันออกไปยังเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ตาม
          ต่อเวลา 14.12 น. ศ.คลินิก นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ทำหน้าที่ เจ้าพนักงานภูษามาลาประดิษฐานพระโกศพระบรมอัฐิในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน ขบวนพระบรมราชอิสริยยศประโคมกระทั่งมโหรระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ พร้อมแล้วยาตราขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาทไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา  พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณพลอยไพลิน เจนเซน คุณสิริกิติยา เจนเซน เป็นระยะทาง 63 ม. ใช้เวลา 30 นาที เดินตามจังหวะเสียงกลองโดยการเดินปกติ กำลังพลทั้งสิ้นจำนวน 550 นาย
          เมื่อเทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่อัฒจันทร์ตะวันออก พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานในพระวิมานแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระสัมพุทธพรรณโณพาศแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิแล้ว จึงเสด็จฯ กลับ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพระโกศพระบรมอัฐิ ที่นำไปประดิษฐานบน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นครั้งแรกที่สร้างพระโกศทองคำลงยาทรง 9 เหลี่ยมตลอดทั้งองค์ ประดับเพชรเจียระไนสีขาว รวมทั้งสิ้น 5,368 เม็ด ฝาพระโกศเป็นทรงมกุฎเกี้ยวมาลัยทอง ส่วนยอดเป็นก้านพุ่มข้าวบิณฑ์ และนพปฎลมหาเศวตฉัตร 9 ชั้น เครื่องประดับพระโกศ ได้แก่ ดอกไม้เอว ดอกไม้ไหว เฟื่องอุบะ และดอกไม้ที่ทำจากเงินบริสุทธิ์ ประดับรัตนชาติ ส่วนยาสีที่ใช้ได้แก่ สีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำประชนมวาร สีแดง คือสีแห่งพลังความเข้มแข็งและการหล่อหลวมดวงใจของคนในชาติ และสีเขียวแทนความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของประเทศด้วยพระเมตตาบารมีของพระองค์ ออกแบบโดย นายอำพล สัมมาวุฒิ นักวิชาการช่างศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร

[คลิป : ถ่ายทอดสด พระราชพิธีเลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมาน บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ (ทรท.) ]