สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศ์ เสด็จฯ ไปทรงเก็บพระบรมอัฐิ ‘ในหลวง รัชกาลที่ 9’ ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เมื่อเวลา 08.43 น. วันที่ 27 ตุลาคม 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระเมรุมาศท้องสนามหลวง การนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ คุณพลอยไพลิน เจนเซน คุณสิริกิติยา เจนเซน ธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม เฝ้าฯ รับเสด็จ
เมื่อเสด็จฯ ถึงพระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง มี 8 ตำรวจหลวง นายทหารราชองค์รักษ์เชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ ธงชัยราชกระบี่ยุทธ นำเสด็จ นายทหารราชองครักษ์ตามเสด็จ ประทับพระราชอาสน์ที่ข้างพระจิตกาธาน เจ้าพนักงานถวายเปิดผ้าเยียรบับ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิแล้ว ถวายน้ำพระสุคนธ์สรงพระบรมอัฐิ เจ้าพนักงานถวายปิดผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมอัฐิบูชาพระสงฆ์ ทรงทอดผ้าไตร 3 หาบ บนผ้าเยียรบับที่ปิดคลุมพระบรมอัฐิ สมเด็จพระราชคณะ พระราชาคณะ 9 รูปขึ้นสดับปกรณ์ที่พระจิตกาธาน ครั้งละ 1 รูป จนครบ 9 รูป เจ้าพนักงานภูษามาลาถวายเปิดผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงเก็บพระบรมอัฐิทรงพระพระสุคนธ์ในขันคำแล้วประมวลลงในพระโกศทองคำลงยาประดับเพชร จำนวน 6 พระโกศ พระราชทานพระโกศบรรจุพระบรมอัฐิแก่ พระบรมวงศ์แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระบรมอัฐิลงจากพระเมรุมาศไปยังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินตาม แล้วประทับพระราชอาสน์ที่หน้าอาสน์สงฆ์ เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า ส่วนพระบรมราชสรีรางคาร เจ้าพนักงานจะได้ประมวลลงในพระผอบโลหะปิดทอง พักไว้บนพระเมรุมาศ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะบูชาพระบรมอัฐิ ทรงประเคนโตกภัตตาหาร 3 หาบแด่สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ 9 รูป อาทิ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระวันรัต พระพรหมกวี พระพรหมสุทธิ เป็นต้น ที่ได้สดับปกรณ์พระบรมอัฐิแล้วนั้น พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเครื่องสังเค็ดงานพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แด่พระสงฆ์ 3 หาบ และพระสงฆ์ 30 พระอาราม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่งทรงธรรม เจ้าหน้าที่นิมนต์พระสงฆ์อีก 30 รูป ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ สวดมาติกา จบ พระสงฆ์สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก กลับ
ในระหว่างพระสงฆ์รับพระราชทานฉันภัตตาหาร 3 หาบ เจ้าหน้าที่จะได้ตั้งริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ เทียบพระที่นั่งราเชนทรยานสำหรัญอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย สำหรัญอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารจากพระเมรุมาศประดิษฐานในพระที่นั่งราเชนทรายานน้อย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิจากบุษบกแว่นฟ้าไปประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน อัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารจากพระเมรุมาศประดิษฐานในพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย
จากนั้น ตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศ 4 สาย มีเจ้าพนักงานนำริ้ว ธงสามชายนายทหารบกทหารเรือทหารอากาศ ตำรวจหลวงถือหอก มหาดเล็กหลวง เป็นคู่แห่ ข้าราชการพลเรือนชั้นผู้ใหญ่ ทหารราชองครักษ์เคียงพระที่นั่งราเชนทรยานทรงพระโกศพระบรมอัฐิ และอินทร์ พรหม ที่พระที่นั่งราเชนทรยานน้อยทรงผอบพระบรมราชสรีรางคาร มีข้าราชบริพารในพระองค์ และอินทร์ พรหม เคียงข้าง พร้อมด้วยเครื่องสูงอภิรุมชุมสายหักทองขวาง พระกลด บังพระสูรย์ พัดโบก เจ้าพนักงานภูษามาลา ประคองพระโกศพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคาร มหาดเล็กเชิญเครื่องพระบรมราชอิสริยยศตามราชประเพณี
เวลา 10.50 น. เจ้าพนักงานรัวกรับครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมขบวน เมื่อรัวกรับครั้งที่ 2 จบลง ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ร่วมในริ้วขบวนและขอพระราชทานพระราชานุญาตยาตราริ้วขบวน พร้อมแล้วรัวกรับครั้งที่ 3 ฟังสัญญาณ “หน้าเดิน” จากผู้คุมริ้วขบวน วงดุริยางค์เริ่มบรรเลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จำนวน 4 เพลง ประกอบด้วย เพลงมาร์ชธงชัยเฉลิมพล เพลงมาร์ชราชวัลลภ เพลงยามเย็น และเพลงใกล้รุ่ง ใช้เส้นทางจากถนนกลางสนามหลวง ออกถนนราชดำเนินใน เลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน เข้าสู่พระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ถนนจักรีจรัณย์ ขบวนพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย คู่เคียง อินทร์ พรหม พระกลด บังพระสูรย์ พัดโบก แยกออกไปเลี้ยวถนนหน้าศาลาสหทัยสมาคม เทียบะรัที่นั่งราเชนทรยานน้อยที่เกยประตูหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าพนักงานอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารจากพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยไปประดิษฐานพักไว้ในพระศรีรัตนเจดีย์ ขบวนพระที่นั่งราเชนทรยานทรงพระบรมอัฐิ ตรงไปเข้าประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวขวาถนนอมรวิถีไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท รวมระยะทาง 1,074 เมตร ใช้เวลา 30 นาที จัดกำลังพลจำนวน 834 นาย
ในริ้วขบวนที่ 4 นี้ นำโดยขบวนม้านำ 2 ม้า ตามด้วยพนักงานเชิญเครื่องสูงแผ่ลวด คณะรัฐมนตรีนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อมาเป็นพระที่นั่งราเชนทรยาน โดยมี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานภูษามาลาประคองพระบรมอัฐิ และ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานภูษามาลาประคองพระบรมราชสรีรางคารบนพระราเชนทรยานน้อย ตามลำดับ ตำรวจหลวง 8 นาย เชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นในลำดับต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินตาม ปิดท้ายริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ ด้วยเหล่าสมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง