ข่าว

พระองค์ภาฯ ทรงเน้นย้ำการป้องปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเข้าร่วมการอภิปรายระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยอาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร ที่สำนักงานสหประชาชาติ นิวยอร์ก

   ในฐานะทูตสันถวไมตรีด้านการส่งเสริมหลักนิติธรรมและระบบงานยุติธรรมทางอาญาสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเข้าร่วมการอภิปรายระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยอาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร ที่สำนักงานสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานต่างๆ ของประเทศไทย อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมงาน

พระองค์ภาฯ ทรงเน้นย้ำการป้องปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

      งานดังกล่าวเป็นการประชุมระดับสูง จัดขึ้นเพื่อรำลึกในโอกาสครบรอบ 25 ปีของเหตุการณ์ที่นายจีโอวานนี ฟาลคอนี ผู้พิพากษาชาวอิตาลี ถูกลอบสังหารโดยกลุ่มองค์กรอาชญากรรม โดยมุ่งเน้นประเด็นการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติ เพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร และพิธีสารแนบท้าย เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้หารือเกี่ยวกับแนวโน้มและความท้าทายในการรับมือกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนผลกระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 

     ในที่ประชุมใหญ่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงมีพระดำรัสยกย่องความกล้าหาญและผลงานของผู้พิพากษาจีโอวานนี ฟาลคอนี และเจ้าหน้าที่รัฐที่เสียชีวิตจากอาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร ทรงเน้นย้ำว่า วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 จะสำเร็จได้จะต้องมีการจัดการเสริมสร้างหลักนิติธรรม และความมั่นคงขึ้น ซึ่งในประเด็นดังกล่าว การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กรนับเป็นภารกิจสำคัญยิ่ง 

พระองค์ภาฯ ทรงเน้นย้ำการป้องปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

     ในการประชุมกิจกรรมคู่ขนาน เรื่อง “ความท้าทายจากองค์กรอาชญากรรมและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มีพระดำรัสว่า การลงนามในสนธิสัญญาระหว่างประเทศย่อมไม่เพียงพอ ที่สำคัญคือประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ควรมีการร่วมมือกันในลักษณะข้ามพรมแดน ทั้งในการบังคับใช้กฎหมาย และการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในทางอาญาแก่กันและกัน นอกจากนี้ ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือและคุ้มครองเหยื่อของอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงชุมชนด้วยเช่นกัน พร้อมกันนี้ ยังมีรับสั่งถึงความเชื่อมโยงและเกื้อกูลกันระหว่างวิสัยทัศน์อาเซียนปี ค.ศ. 2025 กับวาระแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ซึ่งเอกสารทั้งสองฉบับจะช่วยวางกรอบแนวทางในอนาคต และเน้นย้ำถึงความจำเป็นของหลักนิติธรรม สันติภาพ และเสถียรภาพ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ