พระราชพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย ในหลวง ร.9

         เมื่อวันที่ 9 ก.พ.การพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ บำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นับเป็นวันที่ 19 หลังเสร็จสิ้นพิธีหลวง หรือพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) ถวายพระบรมศพ การนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยแบ่งออกเป็น 4 รอบ เวลา 10.00 น., 14.30 น., 17.00 น. และเวลา 19.00 น. รอบละ 11 คณะ คณะละ 50 คน หมุนเวียนจนกว่าจะครบจำนวนเจ้าภาพตามที่แสดงความจำนง
          เวลา 10.00 น. นายพิชัย รัตตกุล ตัวแทนครอบครัวรัตตกุล เป็นประธานบำเพ็ญกุศลและถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 10 รูป จากวัด วัดดาวดึงษาราม, วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม, วัดสังเวชวิศยาราม, วัดโบสถ์ จ.ราชบุรี, วัดเกาะโพธาวาส, วัดเกาะจันทน์, วัดเซิดสำเริญ จ.ชลบุรี, วัดอาษาสงคราม, วัดบางกระเจ้ากลาง และ วัดบางกระสอบ จ.สมุทรปราการ ที่สวดพระพุทธมนต์ ในการนี้พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ รับถวายภัตตาหารเพล โดยมี มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม, มูลนิธิเพื่อกองทุนโครงการเกษตรอาหารกลางวัน ในพระราชูปถัมภ์, ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ้านแพงน้ำทิพย์, กล้วยน้ำไทมูลนิธิ, บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด, บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), บริษัท เอส.ซุปเปอร์ เคเบิ้ล จำกัด, ครอบครัวรัตตกุล, สโมสรโรตารีในประเทศไทย และมูลนิธิราชภักดิ์ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระกุศล
          การนี้ พระเมธาวินัยรส จากวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ถวายพระธรรมเทศนาเรื่อง “ราชธรรมกถา” แปลว่า “ความเสียสละรอบ” โดยสรุปพอสังเขปว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระองค์ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ เพื่อความสุขของส่วนรวม ความเสียสละรอบ คือ ปริจจาคะ หมายถึง การทำกิจด้วยความเสียสละ สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขส่วนตนเพื่อส่วมรวม หรือเพื่อความเรียบร้อยของส่วนรวมคือบ้านเมือง หากว่านักปกครอง บุคคลผู้เป็นประมุข หรือผู้นำ ประกอบด้วยคุณธรรมข้อนี้ ก็ย่อมที่จะสามารถเป็นนักปกครอง ผู้นำ หรือประมุขที่ดลบันดาลประโยชน์สุขอันมหาศาลให้แก่องค์กร สังคม ประชาชาติ และบ้านเมืองได้
         ดุจดั่งเช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ทั้งที่เป็นโครงการหลวง โครงการพระราชดำริ และโครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ นับ 3,000-4,000 โครงการ รวมทั้งทุนเล่าเรียนหลวง สำหรับฆราวาสและพระสงฆ์อันเป็นการสนับสนุนผู้เล่าเรียนให้มีมิ่งขวัญและกำลังใจที่ดีในการศึกษาเพื่อความเป็นศาสนทายาทที่ดีต่อไปของประเทศชาติและศาสนา
          การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงดำเนินโครงการหลวงต่างๆ ล้วนเป็นพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า พระองค์ทรงมีพระราชจริยวัตรสอดคล้องกับหลักธรรมที่เรียกว่า ปริจจาคะ จึงทำให้พระองค์ดำรงอยู่ในฐานะเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รัก ที่เทิดทูนอย่างยิ่งของพสกนิกรชาวไทย แม้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว การทรงบำเพ็ญปริจจาคธรรม ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีผลสะท้อนย้อนกลับทำให้พระองค์ทรงเป็นพระราชาผู้ทรงธรรม ที่สถิตอยู่ในดวงใจของคนไทยทั้งชาติ ทั้งแผ่นดิน และตลอดทั้งชีวิตของคนไทยทุกคนอย่างมิมีวันจางหายไป