ข่าว

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน วันที่สอง เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 5 ธันวาคม 2559

       

      เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่สองในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 5 ธันวาคม 2559 ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต  ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยคุณพลอยไพลิน เจนเซ่น และคุณสิริกิติยา เจนเซ่น ธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี อีกทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี และข้าราชการขั้นผู้ใหญ่ เฝ้าฯ รับเสด็จ

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

 

     พระพรหมมุนี (อคฺคชิโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา "กตัญญูกตเวทิตาคาถา " ถวายวิสัชนา ใจความว่า โดยปรกติทุกปีเป็นระยะเวลาเนิ่นนานร่วม 7ทศวรรษ ทุกวันที่ 5 ธันวาคม ย่อมเป็นวันอุดมมงคลที่อาณาประชาราษฎร์ทุกถ้วนหน้าต่างพากันโสมนัสยินดีด้วยเป็นมงคลดิถีเฉลิมพระชนมพรรษา จัดว่าเป็นวันชาติไทย ครั้นสมเด็จบรมบพิตร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช เสด็จสวรรคตล่วงลับไป ย่อมยังให้เกิดความว้าเหว่โศกาดูรพูนเทวษ เพราะเหตุทรงเป็นดั่งบิดาถนอมเลี้ยงบุตร สมควรแห่งการสักการบูชาของชนทุกชั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพมายังโลกนี้เมื่อ 89 ปีก่อน เพื่อยังความเกษมสุขแก่มหาชนนิกรให้บังเกิด ทรงรับพระราชภาระในพระราชสถานะประมุขแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และแห่งราชอาณาจักรไทย ไว้ด้วยกำลังแห่งพระราชกุศลธรรมที่ทรงดำรงมั่นเป็นปรกติวัตรแห่งพระราชจริยา คือ ความกตัญญูกตเวที พระบาทสมเด็จพระปรมินทรธรรมมิกมหาราชาธิราชเจ้าพระผู้เสด็จสวรรคตล่วงไป ทรงถึงพร้อมด้วยพระบุพเพกตปุญญตายิ่งใหญ่ ทรงสำนึกหน้าที่ของคนไทย และความเป็นเจ้านายในพระบรมราชจักรีวงศ์ต้องทรงอุทิศพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อประชาชนชาวไทยเป็นที่สุด ดังที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระปรารภไว้ว่า “ในครอบครัวของเรา ความรับผิดชอบเป็นของที่ไม่ต้องคิด เป็นธรรมชาติ สิ่งที่สอนกันอันดับแรกคือ เราจะทำอะไรให้เมืองไทย”

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

 

      พระพรหมมุนี กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชดำรัสรับรองน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระราชสวามีไว้ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนตลอดมาว่า แผ่นดินนี้มีคุณ มีบุญคุณแก่ชีวิตของพวกเรามากมายนัก เพราะฉะนั้น ชีวิตที่เกิดขึ้นมานี้อย่าได้ว่างเปล่า จงตอบแทน ให้รู้สึกตัวเสมอว่า เป็นหนี้บุญคุณแก่ชีวิตของพวกเรามากมายนัก เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบรมราชาภิเษก เมื่อพระชนมายุ 22 พรรษา ก็ได้ทรงเฉลิมพระมหาพิชัยมงกุฎต่อพระพักตร์พระสยามเทวาธิราชเจ้า แล้วก็ทรงกล่าวคำปฏิญาณว่าเราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรมะ โดยยุติธรรม โดยที่พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ว่า ควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร ในภาวะอย่างไร...และบัดนี้ ข้าพเจ้าจึงได้เชื่อว่าที่ประชาชนแสดงความจงรักภักดีให้เห็นนั้นเป็นความจริงใจทั้งสิ้น อันนี้เป็นอันหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า เราต้องตอบแทนความรักของประชาชนด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบำบัดความทุกข์ของเขา เพราะเขาเป็นหลักพึ่งพาของพระมหากษัตริย์ตลอดมา ประชาชนเป็นมิตรของพระมหากษัตริย์ มิตรนี่ให้ความหมายที่แท้จริงคือผู้ที่เอื้อเฟื้ออย่างกว้างขวาง คอยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลืออย่างลึกซึ้งกว้างขวาง และพระมหากษัตริย์ก็ไม่เป็นภัยแก่ประชาชน ...ทั้ง พระองค์เอง ทั้งข้าพเจ้า และลูกที่เกิดมา เกิดมาในแวดวงความรักความดูแลของประชาชน ทรงย้ำว่า ลูกที่ดีจะต้องถือตามพ่อแม่ มีความกตัญญูกตเวทีต่อชาติบ้านเมือง”

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

 

      พระพรหมมุนี กล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม สมตามพระปฐมบรมราชโองการอย่างสมบูรณ์ตลอดพระชนมชีพ ทรงมีทศพิธราชธรรมบริบูรณ์ครบถ้วนทั้งสิบประการไม่มีบกพร่อง ทรงแปรเปลี่ยนความมืดมนอนธการ ให้เป็นแสงสว่างเรืองรองของประชานิกรไทยสู่สังคมโลก สมดังพระพุทธภาษิตที่ว่า บัญฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยศีลย่อมรุ่งเรืองเหมือนไฟสว่าง ในที่ทุกสถาน พระบรมวงศานุวงศ์ เสวกามาตย์ราชบริพาร สมณพราหมณจารย์ และอาณาประชาราษฎร์ผู้ได้อาศัยพระบรมโพธิสมภารเป็นที่พึ่งมาเนิ่นนาน จึงพึงตั้งตนไว้ในที่ “กตัญญูกตเวที” ต่อพระองค์ผู้ทรงเป็น “บุพการี” ด้วยการสืบสานพระบรมราชปณิธาน ให้ความกตัญญูรู้คุณในหัวใจของคนไทยทุกคน คุณธรรมความดี ความซื่อสัตย์สุจริต และความสมัครสมานสามัคคีหยั่งดำรงคงเป็นฐานราชอาณาจักรไทย มีสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์มั่นคงอยู่ตราบนิจนิรันดร 

      จากนั้น เมื่อพระพรหมมุนี (อคฺคชิโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถวายพระธรรมเทศนา จบแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพรพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินกลับ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ