ภัยเเล้งปีนี้หลายจังหวัดทั่วไทยเดือดร้อน จนผู้เเทนจากประชาชน เเต่ละเขตต้องเร่งช่วยชาวบ้านเพราะหลายจังหวัดน่าจะไร้น้ำฝนที่เพียงพอกับพืชผลการเกษตร
วาระนี้ รัฐบาลลุงตู่ ใช่ว่าจะนอนใจ เพราะความเดือดร้อนของชาวบ้านนั้นคือทุกช์ที่รัฐบาลต้องบำบัดให้เกิดสุขเพราะมีการเสนอเเก้ไขทั้งระบบที่เเดนอีสานใต้
ดังนั้นเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น เป็นต้นได้ตรวจราชการจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์เพื่อเเก้ภัยเเล้งเเละมีการเสนอให้รัฐบาลยึด”สุรินทร์โมเดล”ไว้เป็นตัวอย่างดำเนินการเเก้ไขเรื่องนี้ทั่วไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวไว้ช่วงหนึ่งในการมอบนโยบายให้ผู้บริหารยี่สิบจังหวัดเเดนที่ราบสูงว่า”...ขอให้ลงมือทำไม่ต้องรอผม โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้ง การขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชน รวมถึงตามสถานที่ราชการต่างๆ จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน”
สำหรับงบประมาณนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “รัฐบาลจะใช้งบประมาณเท่าที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์ที่สุด ขอให้จัดปรับแผนงบประมาณที่ยังไม่ได้ใช้มาแบ่งทำโครงการเร่งด่วนก่อน ส่วนการจัดทำแผนของบประมาณปี 63 นั้น ขอให้ส่วนราชการจัดทำแผนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนสิงหาคมนี้”
นายกรัฐมนตรีได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดจัดหาแหล่งพักน้ำ โดยได้เสนอโครงการขุดบ่อแลกดิน เพื่อเก็บน้ำไว้ในบ่อของชาวนา แก้ไขปัญหาการขาดน้ำช่วงฤดูแล้ง พร้อมกับกำชับให้ทำความเข้าใจกับเกษตรกรถึงโครงการดังกล่าวให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
เเสดงว่าลุงตู่มิได้นอนใจเพราะรู้เเล้วว่าวันนี้เกษตรกรเเละขาวบ้านเเดนอีสานรวมทั้งภาคอื่นๆสาหัสเพียงใด
“ปกรณ์ มุ่งเจริญพร” ส.ส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย ผลักดันงบ1พันล้านบาทในการพัฒนาอ่างเก็บน้ำสองเเห่งใน สุรินทร์ โดย “ลุงตู่” รับหลักการไว้พิจารณา
“ปกรณ์”หนึ่งในผู้เเทนฯเเดนอีสานใต้ที่ไปต้อนรับเเละสะท้อนปัญหาดังกล่าวให้ “ลุงตู่” รับไปดำเนินการครั้งนี้ เเสดงทัศนะเเละความเชื่อมั่นว่า “หาก นายกฯ รับไปเเก้ไขนั้น พี่น้องชาวสุรินทร์จะปลอดปัญหานี้ได้อย่างไร?”
ปกรณ์บอกว่า”ภัยเเล้งในพื้นที่ครั้งนี้ไม่เคยเกิดมาก่อนในรอบหลายสิบปีของสุรินทร์ กระทบชาวนาเเละคนเมืองที่ขาดน้ำกว่าสามหมื่นครัวเรือน เเละน่าส่งผลในปีหน้าด้วย ชาวสุรินทร์กังวลมาก เเต่เมื่อนายกฯลงพื้นที่เเก้ปัญหาเฉพาะหน้าพรัอมกับครม.ชาวบ้านก็สบายใจขึ้นเเละหวังว่าครม.จะร่วมมือเเละคงไม่เป็นเหตุไฟไหม้ฟาง
การบูรณาการครั้งนี้ทุกกระทรวงช่วยเเก้วิกฤตจนน่าจะเป็นโอกาส วันนี้อ่างเก็บน้ำในพื้นที่มีสองเเห่งที่มีปริมาณความจุรวม1.5หมื่นไร่ นายกฯให้งบกลางเบื้องต้น 5 ร้อยล้านบาทเเก้ไข คือต่อท่อน้ำจากเหมืองหินเเละใช้งบขุดลอกอ่างเก็บน้ำสองเเห่งให้มีน้ำพอใช้อยู่ถึงปีหน้า โดยต้องพลิกวิกฤตไม่ให้ชาวบ้านย้ายออกจากพื้นที่เพราะภัยเเล้ง เเละบางกรณีขาดงบประมาณในการเเก้ไขเเบบบูรณาการ
ตนขอเสนอเเนวทางเเก้ไขเเบบบูรณาการคือ ระยะเร่งด่วน ที่จะเเก้ไขให้ชาวบ้านที่ตนไปรับฟังมาคือ เเม้หน่วยงานรัฐไปเจาะบ่อบาดาลล่วงหน้าตอนนี้เเต่ชาวบ้านยื่นขอว่าการเจาะบ่อบาดาลนั้นให้เว้นกฎระเบียบบางข้อให้ชาวบ้านด้วย
ระยะยาวคือ ขุดลอกดินในอ่างเก็บน้ำสองเเห่งในสุรินทร์เก็บน้ำจากฟ้า หรือน้ำฝน เป็นสมบัติของชาวบ้าน เเละมูลดินที่เป็นขุดขึ้นมานำมาควรนำถมเป็นเกาะกลางน้ำเพื่อเป็นเเหล่งท่องเที่ยวในสุรินทร์ (อ่างเก็บน้ำห้วยเสนงเเละอ่างเก็บน้ำลำปีล)
สองอ่างเก็บน้ำที่ไม่ได้ขุดลอกมานานนั้นควรขุดให้ลึกห้าเมตร เเละทำสะดืออ่างเก็บน้ำลึกสิบเมตรเพื่อขยายพันธุ์ปลาในพื้นที่ เพื่อสำรองน้ำเพราะวันนี้ชุมชนในสุรินทร์เจริญเเละขยายตัว
การดำเนินการคราวนี้ควรดำเนินการล่วงหน้านำดินที่ขุดขึ้นมาสร้างเกาะกลางน้ำ(ทำเป็นช้าง)เป็นเเหล่งท่องเที่ยวคือใช้พื้นที่ร้อยละห้า อาทิ นั่งเรือเที่ยวไปยังเกาะ ทำชายหาดน้ำจืด สถานที่วิ่งและปั่นจักรยานออกกาย โดยชาวบ้านในบริเวณนั้นก็จะมีรายได้เพิ่ม ขณะที่ดินที่ขุดมาเกิดประโยชน์ ไม่นำไปเเอบขาย เเละยังจะเป็นธนาคารน้ำที่สะสมน้ำไว้ใช้ในอนาคตเเบบถาวร และหากทำสำเร็จขอเรียกว่า เป็น “สุรินทร์โมเดล” ที่จะไปไปพัฒนาในพื้นที่อื่นๆ นอกจากแหล่งกักเก็บน้ำ ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย หรือ เรียกว่าแก้ปัญหาครั้งเดียวได้ประโยชน์ไป 2 เด้ง
“การบูรณการเเบบยั่งยืน หากครม. โดยการนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม และผู้เกี่ยวข้อง จะทำได้ ชาวสุรินทร์จะขยับฐานรายได้ขึ้น จากที่ติดอันดับรั้งท้ายๆของประเทศเเบบยั่งยืน”
สุรินทร์โมเดล ที่ส.ส.ปกรณ์ผลักดันนั้น รอติดตามว่า สร.1 จะนำไปปรับใชัให้ทั่วไทย ปลดคำว่าน้ำเเล้งออกจากพจนานุกรมชีวิตของคนเมืองช้างได้อย่างไร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง