"ช่อ" ยื่นฟ้อง "ปารีณา" นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ 30 ก.ย.

              ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 7 ส.ค.62 เวลา 09.00 น. "น.ส.พรรณิการ์ วานิช" โฆษกและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เดินทางมาเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์" ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 กรณี น.ส.ปารีณา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวกล่าวหา น.ส.พรรณิการ์ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

         
         โดยคำฟ้องโจทก์ ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค.62 จำเลยได้ใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ด้วยการเผยแพร่ข้อความพร้อมภาพประกอบลงในเฟซบุ๊ก "ปารีณา ไกรคุปต์" ด้วยข้อความว่าขอให้ทุกคนที่ยั่วยุเยาวชนติดคุกทุกคน ... โดยในช่วงเวลาก่อนการโพสต์ของจำเลยวันที่ 2-3 ส.ค.62 เกิดเหตุวางระเบิดขึ้นในพื้นที่หลายจุดของกรุงเทพมหานคร ในการโพสต์ข้อความดังกล่าว จำเลยได้ใส่ภาพประกอบ 3 ภาพ ภาพแรกเป็นภาพโจทก์กับนายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และบุคคลที่สาม โดยจำเลยได้วงกลมไว้บริเวณหน้าบุคคลที่สาม เพื่อให้ประชาชนที่เข้ามาอ่านโพสต์ของจำเลยแล้วเข้าใจว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์วางระเบิด โดยโจทก์กับนายธนาธรเป็นผู้มีส่วน จากที่จำเลยเผยแพร่ข้อความว่า "ฟ้องด้วยภาพ! มือวางระเบิดใครเป็นเจ้าภาพ!" 
         ทั้งนี้ ตนไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหาย และไม่ได้ต้องการให้ น.ส.ปารีณา ต้องติดคุก แต่ต้องการให้สังคมได้เห็นว่า การเผยแพร่ข่าวปลอม ข่าวลวง ข่าวเท็จ ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล มีความผิดทางอาญา ที่สำคัญคือเป็นการสร้างความเกลียดชังแตกแยกในสังคม ไม่ให้มีพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำซาก
           "ครั้งนี้ข้อกล่าวหาของคุณปารีณาเป็นเรื่องร้ายแรงมาก คือเชื่อมโยงพรรคอนาคตใหม่และแกนนำของพรรคเข้ากับการก่อเหตุรุนแรง เหตุระเบิดในกรุงเทพฯ รวมถึงเกี่ยวกับความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำคัญยิ่งกว่านั้นมีการพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีนี้ถึง 2 คนด้วยกัน ที่ถูกนำไปวงภาพอ้างอิงเชื่อมโยงว่าเป็นผู้ต้องสงสัยเหตุระเบิด เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความเสียหายถึงบุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั่วไป ไม่ใช่นักการเมืองหรือพรรคการเมือง เราถือว่าเรื่องนี้ยอมไม่ได้ ต้องออกมาปกป้องผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

              
       ภาพที่ 2 เป็นภาพถ่ายโจทก์ลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำเลยได้ใส่ข้อความว่า "อีช่อลงไป" ซึ่งประชาชนทั่วไปทราบกันดีว่าเป็นชื่อเล่นของโจทก์ ประกอบกับภาพข่าวผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์วางระเบิดพร้อมข้อความว่า "พวกนี้ขึ้นมา" เพื่อให้เห็นว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัย และภาพที่ 3 เป็นภาพจากโพสต์ของเพจเฟซบุ๊กชื่อ "จำไว้เลย" มีข้อความว่ามือบึ้มที่แท้จริงเป็นนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน ... ประกอบภาพผู้ต้องสงสัยกับภาพบุคคลอื่น ซึ่งเพจดังกล่าวเผยแพร่ข่าวที่มีเนื้อความอันเป็นเท็จ จำเลยได้นำภาพโพสต์ดังกล่าวมาประกอบเพื่อเชื่อมโยงว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัย
           การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง เข้าใจผิดว่าโจทก์มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับเหตุการณ์การวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ วันที่ 2-3 ส.ค.62 และเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นการกระทำโดยใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามด้วยการโฆษณา
        ภายหลังยื่นฟ้องแล้ว ศาลรับคำฟ้องไว้ในสารบบคดีหมายเลขดำ อ.2043/2562 และกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เวลา 13.30 น.
         โดย "น.ส.พรรณิการ์" เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าโพสต์ของ น.ส.ปารีณา จะถูกแก้ไขหลายครั้ง แต่เราได้เก็บหลักฐานทั้งหมดไว้แล้วอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้นฉบับ ภาพที่ทำให้เกิดความเสียหายคือมีการเชื่อมโยงตนกับหัวหน้าพรรคเข้ากับเหตุการณ์ความไม่สงบและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงโพสต์ที่กล่าวหาตนไปให้กำลังใจครอบครัวผู้ต้องสงสัย จึงฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ส่วนที่ไม่ฟ้องในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นั้น ตอนแรกฝ่ายกฎหมายเห็นว่าเข้าความผิดทั้งหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เพราะตัดต่อภาพให้เกิดความเสียหาย แต่พรรคพิจารณาแล้วจุดยืนของพรรคไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น จึงตัดสินใจใช้เฉพาะข้อหาหมิ่นประมาท 

           ทั้งนี้ ตนไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหาย และไม่ได้ต้องการให้ น.ส.ปารีณา ต้องติดคุก แต่ต้องการให้สังคมได้เห็นว่า การเผยแพร่ข่าวปลอม ข่าวลวง ข่าวเท็จ ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล มีความผิดทางอาญา ที่สำคัญคือเป็นการสร้างความเกลียดชังแตกแยกในสังคม ไม่ให้มีพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำซาก
          "ครั้งนี้ข้อกล่าวหาของคุณปารีณาเป็นเรื่องร้ายแรงมาก คือเชื่อมโยงพรรคอนาคตใหม่และแกนนำของพรรคเข้ากับการก่อเหตุรุนแรง เหตุระเบิดในกรุงเทพฯ รวมถึงเกี่ยวกับความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำคัญยิ่งกว่านั้นมีการพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีนี้ถึง 2 คนด้วยกัน ที่ถูกนำไปวงภาพอ้างอิงเชื่อมโยงว่าเป็นผู้ต้องสงสัยเหตุระเบิด เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความเสียหายถึงบุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั่วไป ไม่ใช่นักการเมืองหรือพรรคการเมือง เราถือว่าเรื่องนี้ยอมไม่ได้ ต้องออกมาปกป้องผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
        เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุว่าบางโพสต์ของ น.ส.ปารีณา อาจไม่ได้เป็นผู้โพสต์เองนั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า นายกฯ มีเรื่องเฉพาะตัวท่านมากอยู่แล้ว การถวายสัตย์ก็ไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้อย่างชัดเจน เรื่องนี้เป็นคดีความระหว่างตนกับ น.ส.ปารีณา ท่านนายกฯ น่าจะใช้เวลาไปดูแลปัญหาของประชาชนและประเทศชาติมากกว่า
         ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า บ่ายวันนี้ น.ส.ปารีณา จะเดินทางไปแจ้งความกับ น.ส.พรรณิการ์ ที่ สน.ลุมพินี 
       "น.ส.พรรณิการ์" มองว่า การแจ้งความเป็นสิทธิของใครก็ได้ ทางตนยืนยันว่าการฟ้อง น.ส.ปารีณา มีพยานหลักฐานชัดเจนครบถ้วน