ข่าว

เลือกได้แล้ว 3 พ.ฎีกา นั่ง"ตศร."

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"โฆษกศาลยุติธรรม"เผยที่ประชุมใหญ่เลือก"วิรุฬ อดีต รอง ปธ.ฎีกาองค์คณะคดีข้าว-อุดม ปธ.แผนกร้องฎีกา-จิระนิติ พ.อาวุโส กก.ชี้ขาดอำนาจศาล" รอส่งชื่อส.ว.เห็นชอบ

 

1 สิงหาคม 2562  ที่ศาลฎีกา สนามหลวง "นายชีพ จุลมนต์" ประธานศาลฎีกา เรียกประชุมผู้พิพากษาในศาลฎีกา 176 คน เพื่อประชุมใหญ่ศาลฎีกา ลงคะแนนเลืิอกผู้พิพากษาศาลฎีกา ระดับหัวหน้าคณะขึ้นไป  

 

ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกามาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 3 คน ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 200 วรรคหนึ่ง (1) และวรรคสอง บัญญัติไว้

 

กระทั่งเมื่อเวลา 13.30 น. "นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล" โฆษกศาลยุติธรรมศาลยุติธรรม ได้เปิดเผยผลการประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลืิอกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา นัดประชุมเพื่อลงมติเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 3 คน ตามรัฐธรรมนูญฯ ปี 60 มาตรา 200 วรรคหนึ่ง (1) และวรรคสอง ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 8 วรรคหนึ่ง (1) วรรคสอง , มาตรา 12 วรรคสอง และระเบียบศาลฎีกาว่าด้วยการคัดเลือกผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 

 

ซึ่งการสมัครคัดเลือกนั้น มีผู้สมัครที่ผ่านการตรวจสอบ จากคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามทั้งสิ้น จำนวน 6 คน คือ 1. นายอุดม  สิทธิวิรัชธรรม  ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา 2. นายทวีป  ตันสวัสดิ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา 3. นายวิรุฬห์ แสงเทียน ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา 4. นายจิรนิติ  หะวานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา 5. นายปริญญา  ดีผดุง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา 
6. นายชำนาญ  รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา 

 

ขณะที่ปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับคะแนน 3 คนแรกและมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่มีอำนาจหน้าที่เข้าประชุมและลงมติในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้แก่ "นายวิรุฬห์  แสงเทียน" ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา , "นายอุดม  สิทธิวิรัชธรรม" ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา , "นายจิรนิติ  หะวานนท์" ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา  

 

"โฆษกศาลยุติธรรม"  กล่าวถึงขั้นตอนหลังจากนี้ว่า ศาลฎีกาจะเสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 3 คนไปยังวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อให้ความเห็นชอบตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 
พ.ศ. 2561 มาตรา 12 วรรคแปด ต่อไป

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้พิพากษาทั้ง 3 คนที่ได้รับการเลือกจากที่ประชุมใหญ่นั้น "นายวิรุฬห์ แสงเทียน"ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา นั้นเคยดำรงตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา , ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา และอดีตองค์คณะที่ร่วมพิพากษาคดีโครงการจำนำข้าว และคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

 

ส่วน "นายจิรนิติ หะวานนท์" ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ก็เคยเป็นเลขานุการศาลฎีกา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล เป็นผู้ที่มีความชำชองข้อกฎหมาย โดยระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกานั้น ปี 2560 เคยได้เป็นเจ้าของสำนวนและองค์คณะคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีอาญาและแพ่งที่ ป.ป.ช. กล่าวหา "นายเกษม นิมมลรัตน์" อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย คนสนิมเ จ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และอดีตที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงใหม่ ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินอันเป็นเท็จด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้พิพากษาทั้ง 3 คนที่ได้รับการเลือกจากที่ประชุมใหญ่นั้น "นายวิรุฬห์ แสงเทียน" ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา นั้นเคยดำรงตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา , ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา และอดีตองค์คณะที่ร่วมพิพากษาคดีโครงการจำนำข้าว และคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

ส่วน "นายจิรนิติ หะวานนท์" ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ก็เคยเป็นเลขานุการศาลฎีกา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล เป็นผู้ที่มีความชำชองข้อกฎหมาย โดยระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกานั้น ปี 2560 เคยได้เป็นเจ้าของสำนวนและองค์คณะคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีอาญาและแพ่งที่ ป.ป.ช. กล่าวหา "นายเกษม นิมมลรัตน์" อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย คนสนิมเ จ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และอดีตที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงใหม่ ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินอันเป็นเท็จด้วย 

ทั้งนี้สำหรับประวัติ "นายวิรุฬห์ แสงเทียน" เกิดวันที่ 27 พ.ย.2494 อายุ 67 ปีเศษ การศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ , เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมาย ซึ่งภายหลังจบการศึกษาเข้ารับราชการ ตำแหน่งเป็นอัยการ แล้วสอบคัดเลือกเป็นผู้พิพากษาประจำกระทรวง มีความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งต่างๆ ตามลำดับชั้นเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดมุกดาหาร , ผู้พิพากษาศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ , ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครราชสีมา , ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนนทบุรี , ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกระทรวง , ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเบตง , ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา , ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา , ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา , รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 , ผู้พิพากษาศาลฎีกา , ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา,ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา , รองประธานศาลฎีกา , ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ซึ่งระหว่างรับราชการ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลำดับต่างๆ ประกอบด้วย ตริตาภรณ์มงกุฎไทย , ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย , ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก , ประถมาภรณ์มงกุฎไทย , ประถมาภรณ์ช้างเผือกฯ 

ส่วน "นายจิรนิติ หะวานนท์" เกิดวันที่ 14 ก.พ.2496 อายุ 66 ปี ประวัติการศึกษาจบปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ , เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมาย , ปริญญาโท Master of Lows Harvard University ,  Master of Comparative Law George Washington University , ปริญญาเอก Doctor of Juridical Science  George Washington University 

โดยช่วงการรับราชการ เริ่มในตำแหน่งผู้พิพากษาประจำกระทรวง , ผู้พิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่น , ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกระทรวง , ผู้พิพากษาศาลแพ่ง , ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลแพ่ง , เลขานุการศาลฎีกา , ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง , ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ , ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์ภาค 2 , ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ , อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง , ผู้พิพากษาศาลฎีกา , ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา , ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา โดยช่วงการรับราชการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย,ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก,ประถมาภรณ์มงกุฎไทย , ประถมาภรณ์ช้างเผือกฯ

สำหรับ "นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม" เกิดวันที่ 25 มี.ค.2497 อายุ 64 ปี  ประวัติการศึกษาจบปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต ม.รามคำแหง , เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมาย , ปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วงชีวิตการรับราชการ เคยดำรงตำแหน่งนายทหารพระธรรมนูญ จากนั้นสอบเข้าเป็นผู้พิพากษาประจำกระทรวง ได้รับความก้าวหน้าในหน้าที่ตามลำดับชั้น เป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดแม่สอด , ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพิษณุโลก , ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครสวรรค์ , ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกระทรวง , ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดอุทัยธานี , ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกำแพงเพชร , ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา , ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 , ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 , ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์ภาค 5 , ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลอุทธรณ์ภาค 3 , รองประธานศาลอุทธรณ์ , อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 , อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ , ผู้พิพากษาศาลฎีกา , ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 , ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา , ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา และระหว่างรับราชการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย, ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย,ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก,ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ,ประถมาภรณ์ช้างเผือกฯ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ