ข่าว

ลุ้นศาลตัดสิน "สนธิญาณ-สกลธี"- 2 แกนนำกปปส.ร่วมกบฏ พรุ่งนี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลุ้นศาลตัดสิน "สนธิญาณ-สกลธี"- 2 แกนนำกปปส.ร่วมกบฏ พรุ่งนี้ 25 ก.ค. หลังดำเนินคดีร่วม 4 ปี "สุเทพ" พร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่

 

          วันที่ 25 ก.ค.62 - ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีชุมนุม กปปส. 5 สำนวน คดีหมายเลขดำ อ.247/2561 , อ.832/2561, อ.1185/2561, อ.491/2562 , อ.791/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "นายสุเทพ" เทือกสุบรรณ อายุ 70 ปี อดีตเลขาธิการ กปปส. และประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) , อดีตแกนนำ กปปส. และแนวร่วม รวมทั้งสิ้น 32 คน

 

          ในความผิด 8 ข้อหาฐานร่วมกันกบฏ , สนับสนุนกบฏ , ขัดขวางการเลือกตั้งฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , 116 , 117 , 209 , 210 , 215 , 216 , 362 , 364 , 365 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ม.76 , 152 ขณะที่นายสุเทพกับนายชุมพล จุลใส ถูกฟ้องเพิ่มอีกข้อหาฐานก่อการร้าย ตามมาตรา 135/1 ด้วย 

 

          กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.ที่มีนายสุเทพ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 56 – 1 พ.ค.57 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี

 

          ซึ่งคดีได้เริ่มสืบพยานโจทก์นัดแรกเมื่อวันที่ 14 พ.ค.62 ที่ผ่านมา และพยานต่อเนื่องทุกสัปดาห์

 

          โดยวันนี้ นายสุเทพ จำเลยที่ 1 และทนายความก็เดินทางมาศาลพร้อมร่วมสืบพยาน ขณะที่วันนี้อัยการ นำพยานเข้าสืบเพียง 1 ปากเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรองผู้บังคับการตำรวจนครบาลจนเสร็จสิ้น โดยวันนี้ศาลยังได้มีคำสั่งยกคำร้องที่จำเลยร่วมคดี กปปส.ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นด้วย ซึ่งศาลเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเกี่ยวกับการชุมนุมของ กปปส.ไว้แล้ว จึงไม่เข้าตามมาตร 212 ของรัฐธรรมนูญฯ ที่จะส่งวินิจฉัยอีก

 

          ภายหลังร่วมสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว นายสุเทพ อดีตเลขาธิการ กปปส. ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา ที่อัยการยื่นฟ้อง นายสนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม , นายสกลธี ภัทธียกุล , นายสมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ , นายเสรี วงศ์มณฑา 4 แกนนำ กปปส.ร่วมกบฏ สำนวนแรก ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.) ว่า ตนเองก็จะมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกันในฐานะที่เป็นผู้ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ก็จะมาอยู่เป็นกำลังใจให้กับเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ด้วยกัน

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีกบฎ กปปส.สำนวนแรก ที่ ศาลอาญา รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ห้องพิจารณา 711 นั้น

 

          พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 57 ปี แกนนำ กปปส. และนายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 42 ปี อดีต ส.ส.กทม.ร่วมชุมนุม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. เป็นจำเลยที่ 1- 2 ต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.57 นั้น ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ , กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ , อั้งยี่ , ซ่องโจร ,
 มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ , เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล , ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง , ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มา ซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76 ,152 รวม 8 ข้อหา โดยศาลอาญา ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1191/2557 

 

          ต่อมาปีเดียวกัน อัยการยังได้ทยอยยื่นฟ้องนักวิชาการที่ร่วมชุมนุม กปปส.อีก 2 คน คือ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 68 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง (สปช.) ในคดีหมายเลขดำ อ.1298/2557

 

          และ นายเสรี วงศ์มณฑา อายุ 70 ปี นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ในคดีหมายเลขดำ อ.1328/2557 ในความผิดฐานร่วมกันกบฎเช่นกัน โดยจำเลยทั้ง 4 รายให้การปฏิเสธ พร้อมตั้งทนายความสู้คดี ขณะที่จำเลยทั้งสี่ได้รับการปล่อยชั่วคราวชั้นพิจารณา 

 

          โดยคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ย.56 จนถึงวันฟ้อง (เดือน พ.ค.57) ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ฟ้องกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปและเกินกว่า 10 คนสมคบกันเป็นอั้งยี่-ซ่องโจร ซึ่งร่วมกันและแบ่งหน้าที่กระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ โดยมีการจัดตั้งเป็นคณะบุคคลชื่อ "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส." ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณประกาศตัวเป็นเลขาธิการ กปปส. โดยจำเลยทั้งสองเป็นสมาชิกและเป็นกรรมการผู้มีหน้าที่สั่งการ ร่วมกันปลุกระดม ยุยง ชักชวนให้ประชาชน เข้าร่วมการชุมนุมและร่วมกิจกรรมในการก่อความไม่สงบ มุ่งขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งและการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี รวมทั้งดำเนินการคัดค้านและขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อไม่ให้มีนายกรัฐมนตรี และครม.ชุดใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันทำโดยปราศรัยชักชวนประชาชนให้ออกมาขับไล่รัฐบาล อีกส่วนหนึ่งทำหน้าที่เป็นกองกำลังทั้งที่มีอาวุธและไม่มีอาวุธ บุกเข้าไปยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานต่างๆ เพื่อไม่ให้รัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ได้ และมีการใช้กำลังขัดขวางต่อสู้ทำร้ายร่างกาย โดยวันที่ 16 ม.ค. 57 เวลากลางคืน ได้มีการจัดตั้งสะสมกองกำลังอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการกบฎ และประกาศรับสมัครชายฉกรรจ์ 500 คน เพื่อทำการขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และจับตัวรัฐมนตรีคนอื่นๆ บีบบังคำให้ลาออกจากตำแหน่ง รวมทั้งจัดตั้งศาลประชาชนขึ้นพิจารณาลงโทษและริบยึดทรัพย์ อันเป็นการล้มล้างอำนาจบริหารและอำนาจตุลาการ 

 

          นอกจากนี้วันที่ 13 ม.ค. - 2 มี.ค. 57 จำเลย , นายสุเทพ พร้อมพวก ยังได้ปิด กทม. มีการตั้งเวทีปราศรัย 7 แห่ง ปิดกั้นการจราจรและได้ยึดครองไม่ให้ประชาชนใช้เส้นทางดังกล่าว โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต รัฐบาลมอบหมายให้ศูนย์รักษาความสงบและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.) ออกคำสั่ง ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ให้จำเลยและพวก เลิกชุมนุมและบุกรุกสถานที่ราชการ หยุดปิดกั้นการจราจร แต่จำเลยกับพวกไม่เลิกกระทำการดังกล่าว  เหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ขณะที่ท้ายคำฟ้องอัยการ ไม่ได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราวจำเลยแต่อย่างใด

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กระทั่งวันที่ 13 ก.พ.58 ระหว่างคดีเริ่มสู่กระบวนการตรวจพยานหลักฐาน อัยการได้ขอรวมสำนวนพิจารณาเป็นคดีเดียวกันพิจารณาเป็นสำนวนคดีเดียวกัน เพื่อให้ขั้นตอนการพิจารณาคดีเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว เนื่องจากมีมูลคดีและพยานหลักฐานชุดเดียวกัน  ศาลก็อนุญาต โดยอัยการโจทก์ แถลงต่อศาล มีพยานหลักฐานเอกสารนำส่งศาล ทั้งสิ้น 216 แฟ้มรวม 27 กล่อง ซึ่งกนะบวนการสืบพยานได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 จนเสร็จสิ้นในปี 2562 นี้

 

         โดยคดีการชุมนุม กปปส. นั้น ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน พ.ค.57 คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ , นักวิชาการ , แนวร่วม รวม 51 ราย โดยพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) สามารถนำตัวส่งให้อัยการ ยื่นฟ้องได้ 4 คนดังกล่าวชุดแรกก่อน 

 

          ส่วนที่เหลือนั้น คือกลุ่มนายสุเทพ , นายถาวร เสนเนียม กับพวกซึ่งเป็นแกนนำ กปปส. และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งกลุ่มนักวิชาการ 48 รายนั้น อัยการ รอดีเอสไอส่งตัวผู้ต้องหาเพราะระหว่างนั้นยังติดช่วงการชุมนุมยังไม่สามารถนำตัวมาได้ 

 

          จนเมื่อยุติการชุมนุมแล้ว เดือน ม.ค.58 นายสุเทพ อดีตเลขาธิการ กปปส. , นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ อดีตโฆษก กปปส. , พระพุทธอิสระ และแกนนำ กปปส. เวทีต่างๆ พร้อมด้วยแนวร่วมที่มีทั้งกลุ่ม พธม.เดิม - กลุ่มนักวิชาการ ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันและสนับสนุนเป็นกบฏ ทยอยเดินทางเข้าพบอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อรายงานตัวตามขั้นตอน พร้อมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการในการสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งอัยการิจารณาแล้วก็คงยืนยันคำสั่งให้ฟ้องกนนำ - แนวร่วมกปปส. ดังกล่าว 

 

          แล้วตั้งต้นเดือน ม.ค.61 - ต้นปี 62 อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้ทยอยไล่ฟ้อง นายสุเทพ อดีตเลขาธิการ กปปส. , แกนนำ กปปส.เวทีจุดต่างๆ รวม 32 รายใน 5 สำนวน ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ปัจจุบันนี้คดีอยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์ โดยศาลอาญาได้สืบพยานโจทก์ คดีกปปส. ชุดนายสุเทพนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 พ.ค.62 ที่ผ่านมา ขณะที่จำเลยทั้งหมดได้รับการประกันตัวคนละ 600,000 บาท พร้อมมีเงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลด้วย

 

          โดยคดีกลุ่ม กบฏ กปปส.นั้น ยังเหลือผู้ต้องหาที่รอส่งตัวอีก 10 กว่าคน อาทิ นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำ พธม. , นายนิติธร ล้ำเหลือ , น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร  ปัจจุบันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ