ซูเปอร์โพล เผย ปชช.ส่วนใหญ่ระบุไม่มีความเป็นธรรมทางการเมือง แนะรัฐเร่งแก้ปัญหาปากท้อง รายได้ตกต่ำ ลดความขัดแย้งในตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ อันดับแรก
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง แก้ปากท้อง กับ เป็นธรรมก่อน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,094 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ระหว่าง 3 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองกับความเป็นธรรมทางการเมืองว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยเพียงไร พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.0 ระบุมีความเป็นธรรมน้อยถึงไม่มีเลย ในขณะที่ร้อยละ 13.0 ระบุมีมากถึงมากที่สุด และเมื่อจำแนกออกตามกลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพมหานคร กับ คนต่างจังหวัด พบว่า ทั้งคนกรุงเทพมหานคร และคนต่างจังหวัดส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 87.9 และ 86.1 ระบุมีความเป็นธรรมทางการเมืองน้อยถึงไม่มีเลย
อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขเร่งด่วนเป็นอันดับแรก พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.4 ระบุแก้ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง รายได้ตกต่ำ มากที่สุด ในขณะที่ ปัญหาความไม่ยุติธรรม ความไม่เป็นธรรมทางการเมืองมีเพียงร้อยละ 4.0 รองๆ ลงไปคือ ร้อยละ 3.0 ระบุปัญหาการพัฒนาประเทศ ร้อยละ 2.6 ระบุปัญหาคมนาคม อุบัติเหตุ ปัญหาจราจร และเพียงร้อยละ 2.5 ระบุปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ที่เหลือหรือร้อยละ 3.5 ระบุปัญหาอื่น ๆ เช่น ปัญหาการศึกษา ปัญหาน้ำท่วมขัง ปัญหาสวัสดิการพนักงานลูกจ้าง เป็นต้น
เมื่อจำแนกออกเป็นคนกรุงเทพฯ และคนต่างจังหวัด พบว่า ทั้งคนกรุงเทพฯ และคนต่างจังหวัดส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.8 ของคนกรุงเทพฯ และ ร้อยละ 81.7 ของ คนต่างจังหวัด ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง รายได้ตกต่ำ เป็นอันดับแรก แต่ที่น่าสนใจคือ คนต่างจังหวัดมีสัดส่วนของคนที่เห็นถึงความไม่เป็นธรรมทางการเมืองสูงกว่าคนกรุงเทพฯ คือร้อยละ 5.6 ต่อร้อยละ 2.6 ในการสำรวจครั้งนี้
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ถึงแม้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นถึงความไม่เป็นธรรมทางการเมืองก็ตาม แต่ปัญหาปากท้อง รายได้ตกต่ำเป็นโจทย์ใหญ่สุดของประชาชนทั่วไปในเวลานี้ และที่น่าเป็นห่วงยิ่งขึ้นไปอีกคือ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นกลับตกเป็นอันดับท้ายๆ ดังนั้น การรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญในปัญหาอื่นๆ มากกว่าปัญหาปากท้อง จึงเป็นสิ่งท้าทายของทุกหน่วยงาน โดยที่อารมณ์ของสาธารณชนขณะนี้น่าจะเป็นผลมาจากสภาวะการเมืองที่อ่อนแอและอาจส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อระบบทางสังคม (Social System) ในมิติอื่นๆ ได้จนยากจะเยียวยา
“ทางออก 3 เร่งคือ 1.เร่งประสานลดความขัดแย้งในตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ให้ลงตัว 2.เร่งเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชนผ่านนโยบายสาธารณะ ลดอุปสรรคที่สกัดรายได้สุจริตของประชาชน และ 3.เร่งรณรงค์ขับเคลื่อนสังคมให้เห็นความเป็นธรรมทางการเมืองและความซื่อสัตย์สุจริตของผู้นำทางการเมือง” ผศ.ดร.นพดล กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง