ข่าว

"ตำบลปลอดภัย ประเทศไทยปลอดภัย ไร้ผู้ป่วยฉุกเฉิน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สพฉ. จับมือ สธ. ภาคีเครือข่าย ผุดโครงการ "ตำบลปลอดภัย ประเทศไทยปลอดภัย ไร้ผู้ป่วยฉุกเฉิน" เริ่มคิกออฟ 20 พื้นที่ เชื่อลดสถิติบาดเจ็บ-เสียชีวิต จากอุบัติเหตุได้

 

สพฉ.เตรียมแผนรับมือเทศกาลสงกรานต์ จับมือสธ.และภาคีเครือข่ายผุดโครงการ "ตำบลปลอดภัย ประเทศไทยปลอดภัย ไร้ผู้ป่วยฉุกเฉิน" เริ่มคิกออฟ 20 พื้นที่พร้อมเตรียมขยายครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2565 เชื่อลดสถิติการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของประชาชนได้  พร้อมแนะประชาชนดาวน์โหลดแอพ EMS1669 เพื่อเป็นตัวช่วยในการแจ้งเหตุอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

          ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) กล่าวถึงการเตรียมการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ฉุกเฉินให้กับประชาชน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้ประสานศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 ซึ่งมีจำนวน 80 ศูนย์ทั่วประเทศ และมีหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินกว่า 8,000 หน่วย เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉินในการเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และยังได้ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายหลากหลายองค์กรดำเนินโครงการ "ตำบลปลอดภัย ประเทศไทยปลอดภัย ไร้ผู้ป่วยฉุกเฉิน"  

 

          เลขาธิการ สพฉ. กล่าวอีกว่า ในส่วนของการดำเนินการภายโครงการนั้น สพฉ.และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตำบลปลอดภัย พร้อมทั้งร่วมกันจัดทำแผนพัฒนา ขั้นตอนปฏิบัติการ กฎระเบียบกติกาของชุมชนขึ้นมาใช้ร่วมกัน โดยได้มีการสำรวจ วิเคราะห์ปัญหาความเสี่ยง จุดเสี่ยงของชุมชนโดยเฉพาะในเรื่องของอุบัติเหตุจราจรเพื่อประกาศให้คนในชุมชนได้ทราบอย่างทั่วกัน ร่วมกันระมัดระวังแก้ไขและกำหนดมาตรการความเสี่ยงตามข้อมูลความเสี่ยงที่ค้นพบ พร้อมทั้งจัดทำแผนป้องกัน รับมือ พัฒนาศักยภาพเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนด้วยการรณรงค์ อบรมให้ความรู้และกำหนดวิธีสื่อสารในการจัดการด้านความปลอดภัย โดยเบื้องต้นตั้งเป้าดำเนินโครงการนี้ในพื้นที่ 20 ตำบลทั่วประเทศ และจะขยายโครงการให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปีพ.ศ. 2565 ซึ่งปัจจุบันนี้เรามีพื้นที่ต้นแบบ 2 แห่งที่ดำเนินการตามโครงการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ เทศบาลเมืองน่าน จังหวัดน่าน และเทศบาลตำบลป่าสัก จังหวัดลำพูน

 

"ตำบลปลอดภัย ประเทศไทยปลอดภัย ไร้ผู้ป่วยฉุกเฉิน"

 

          ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าวต่อไปว่า สำหรับประชาชนทั่วไปที่จะต้องเดินทางไกลนอกจากการแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 1669 ที่พร้อมดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ตนอยากให้ประชาชนดาวน์โหลดแอพลิเคชั่น "EMS1669" ไว้ในโทรศัพท์มือถือเพิ่มเติมด้วย และเมื่อพบเห็นเหตุการณ์อุบัติเหตุและพบผู้ป่วยฉุกเฉินประชาชนก็สามารถแจ้งเหตุผ่านแอพพลิเคชั่น "EMS1669" ที่จะทำให้การแจ้งเหตุแม่นยำ และทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย   

 

"ตำบลปลอดภัย ประเทศไทยปลอดภัย ไร้ผู้ป่วยฉุกเฉิน"

 

          ในส่วนของนโยบาย "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่" (Universal Coverage for Emergency Patients: UCEP เมื่อผู้ป่วยมีความจำเป็นที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน สามารถเข้ารับการรักษากรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุด ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกแห่งทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยจะมีกองทุนตามสิทธิการรักษารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่แรกเข้าโรงพยาบาลจนพ้นภาวะวิกฤต แต่ต้องไม่เกิน 72 ชั่วโมง ซึ่งผู้ป่วยที่จะเข้าเกณฑ์ของการใช้สิทธิ UCEP จะต้องเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินที่เข้าข่าย 6 อาการฉุกเฉินวิกฤติ อาทิ 1.หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ 2.หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง 3.เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง 4.ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม 5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด และ 6.มีอาการอื่นร่วมที่มีผลต่อการหายใจระบบการไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทั้งนี้โดยการประเมินของแพทย์ และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถติดต่อมายังศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศคส. สพฉ.) หมายเลข 02-872-1669 ได้ตลอด 24 ชม.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ