ข่าว

30 มี.ค.กทม.ชวนปิดไฟ 1 ชั่วโมงลดโลกร้อน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ปิดเพื่อโลก เปลี่ยนเพื่ออนาคต"กทม.ชวนร่วมผนึกกำลังปิดไฟ 1 ชั่วโมง ช่วยลดโลกร้อน 30 มี.ค. นี้

 

                    20 มีนาคม 2562 นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวกิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour 2019)" ชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน 


                    ประชาชน ร่วมกันปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ในวันที่ 30 มี.ค. 62 เวลา 20.30 – 21.30 น. โดยมี นางสาวพิมพ์ภาวดี พหลโยธิน ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร WWF ประเทศไทย นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน ผู้ว่าการกิจการองค์กรและสังคม การไฟฟ้านครหลวง ดร.พรชัย ด่านวิวัฒน์ ผู้อำนวยการมูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) ร่วมแถลง และนพ.พิชญา นาควัชระ นางวิภารัตน์ ไชยานุกิจ และนายขจิต ชัชวานิชย์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมพิธี ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารไอราวัตพัฒนา กรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง

         

                    รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour)" เริ่มครั้งแรกในปี 2550 และกรุงเทพมหานครได้ร่วมกิจกรรมครั้งแรกในปี 2551 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 12 แล้ว ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากจัดกิจกรรมดังกล่าวคือ ในปี 2561 มีองค์กรเข้าร่วมกิจกรรม 121 แห่ง ในช่วงที่มีการปิดไฟ 1 ชั่วโมง พื้นที่กรุงเทพฯ สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 2,002 เมกะวัตต์ คิดเป็นเงินประมาณ 7,860,000 บาท แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ สามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1,026 ตัน

 

                   ทั้งนี้ หากนับรวมการจัดกิจกรรมตั้งแต่ปี 2551 – 2561 สามารถลดการใช้กระแสไฟฟ้าได้ 10,259 ตัน เป็นเงิน 64,780,000 บาท สำหรับปีนี้กรุงเทพมหานครได้ร่วมกับองค์กรต่างๆ 262แห่ง จัดกิจกรรมพร้อมกับ 188 ประเทศทั่วโลกในวันที่ 30 มี.ค. 2562 ณ บริเวณลานสแควร์ C ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน ภายใต้แนวคิด "ปิดเพื่อโลกเปลี่ยนเพื่ออนาคต" เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยมีเป้าหมาย 3 เรื่อง คือ 1. ลดการใช้พลังงาน 2. ลดการใช้พลาสติก และ 3. รักษ์สิ่งแวดล้อม โดยกำหนดจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในกลุ่มเขตต่างๆ 6 กลุ่มเขตระหว่างวันที่ 25 – 30 มี.ค. 2562 อาทิ การเดินรณรงค์เพื่อสุขภาพ การปั่นจักรยาน การจัดเก็บขยะ การอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม การรณรงค์เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ รวมถึงเชิญชวนประชาชนร่วมปิดไฟ 1 ชั่วโมง

                          

 

                  รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อว่า กิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour 2019)" ถือเป็นการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ แต่หากเราร่วมใจกันปิดไฟ 1 ชั่วโมง ตัวเลขปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงจะบอกถึงความตั้งใจจริง การปิดไฟไม่ได้หมายความว่าต้องปิดทุกดวง หรือปิดทุกวันๆ ละ 1 ชั่วโมง อาจจะปิดไฟเพียงแค่เฉพาะในส่วนที่คิดว่าไม่จำเป็นใช้ในบางพื้นที่ ซึ่งหากเราร่วมมือกันอย่างจริงจัง เชื่อว่าปัญหามลพิษต่างๆ จะดีขึ้นได้ นอกจากนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีรถยนต์ 7 ที่นั่ง ประมาณ 4 ล้านคัน หากแต่ละคันลดการใช้น้ำมัน 1 ลิตร ก็จะสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 2.2 กิโลกรัม และประหยัดเงินได้ 80 ล้านบาทต่อวัน ขณะเดียวกันหากทุกครัวเรือนลดพลังงานไฟฟ้าได้เฉลี่ยครัวเรือนละ 1% ต่อปี ก็สามารถประหยัดงบประมาณในการผลิตไฟฟ้าได้ 500 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งการปลูกต้นไม้หนึ่งต้นสามารถช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 9 กิโลกรัม

 

                   สำหรับปีนี้มีสถานที่ต่างๆ ร่วมปิดไฟในเชิงสัญลักษณ์ อาทิ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)พระบรมมหาราชวัง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เสาชิงช้า สะพานพระราม 8 และภูเขาทอง (วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร) รวมถึงองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน กว่า 500 แห่ง และบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่เขตต่างๆ อีกทั้งกรุงเทพมหานครจะมีการปิดไฟถนนเขตละ 1 – 2 ถนน เท่าที่จำเป็นไม่ได้ปิดตลอดสาย คาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 2,200 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ขอเชิญชวนประชาชนพร้อมใจกันปิดไฟที่ไม่จำเป็นใช้ในช่วงเวลา 20.30 – 21.30 น.โดยพร้อมเพรียงกัน

                                         

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ