ข่าว

เลื่อนตรวจหลักฐาน "3 พี่น้องจารวิจิต" ฟอกเงินบิตคอยน์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"3 พี่น้องจารวิจิต" ร้องศาลจำหน่ายคดีฟอกเงินชั่วคราวก่อน รอฟังคดีอาญาถูกชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหาย ฟ้องอาญาเองฉ้อโกง รอไต่สวน-ไกล่เกลี่ย ศาลยังไม่สั่งจำหน่าย

 

            18 ก.พ.62 -"3 พี่น้องจารวิจิต" ร้องศาลจำหน่ายคดีฟอกเงินชั่วคราวก่อน รอฟังคดีอาญาถูกชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหาย ฟ้องอาญาเองฉ้อโกง รอไต่สวน-ไกล่เกลี่ย ศาลยังไม่สั่งจำหน่าย นัดตรวจหลักฐานคดีฟอกเงิน 13 พ.ค.นี้

           ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีฟอกเงินลงทุนบิตคอยน์ หมายเลขดำ ฟย.50/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 ยื่นฟ้อง "นายปริญญา จารวิจิต" อายุ 37 ปีเศษ , "นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต" หรือบูม นักแสดงซีรี่ย์วัยรุ่นชื่อดัง อายุ 27 ปีเศษ  , "น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต" อายุ 32 ปีเศษ ซึ่งทั้งสามคนเป็นชาว จ.ชลบุรี ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวและเป็นพี่น้องกัน เป็นจำเลยที่ 1-3  ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำผิดฐานฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา3,5,9,60


            โดยอัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 1 พ.ย.61 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างต้นเดือน มิ.ย.- 30 ธ.ค.60 จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 6 คนร่วมกันวางแผนและสมคบกันด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหลอกลวงชักชวนให้นายเออาร์นี่ย์ โอตาวา ชาริมา (Aamai Otava Saarimaa) ชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหาย ให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจซื้อหุ้นของ บริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอร์ฟแวร์ จำกัด(Expay Software) , ร่วมลงทุนประกอบธุรกิจสร้างเงินดิจิตอลสกุล ดราก้อน คอยน์ กับ บริษัทเอ็นเอ็กซ์ เชน อินคอร์ปอเรเต็ด (NX Chain Inc.) และซื้อหุ้น บริษัท ดีเอ็นเอ (2002) จำกัด (มหาชน) จำนวน 500 ล้านหุ้น ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินดิจิตอลสกุลบิตคอยน์ (Bitcoins) จำนวนหลายครั้งเข้าไปในกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่เปิดรองรับไว้แล้วพวกจำเลยได้เงิน บิตคอยน์ดังกล่าวไปขายในระบบซื้อขายอินเตอร์เน็ต คิดเป็นเงินจำนวน 797,408,454.33 บาท และนำเงินที่ขายได้เข้าบัญชีธนาคารของจำเลยทั้งสามกับพวก ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีการลงทุนทำธุรกิจจริง ขณะที่จำนวนหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอฯ ที่ผู้เสียหายได้ซื้อไปก็ไม่ได้ครบตามจำนวนที่ตกลงซื้อ
            ซึ่งภายหลังจำเลยทั้งสามกับพวก ก็ได้ร่วมกันนำทรัพย์สินดังกล่าวที่ได้จากการกระทำผิดหลายครั้งนั้นไปเปลี่ยนสภาพเพื่อปกปิดแหล่งที่มา โดยเมื่อวันที่ 11 ต.ค.60 จำเลยทั้งสามได้นำเงิน 20 ล้านบาทโดยนายปริญญา จำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อและทำนิติกรรมซื้อที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 2 งาน 7ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ,วันที่ 12 ต.ค.60 นายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้นำเงิน 59 ล้านบาทไปซื้อที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 3 งาน 143.5ตารางวา แขวง-เขต ดินแดง กทม. ,วันที่ 19 ต.ค.60 นายปริญญา จำเลยที่ 1ได้นำเงิน 27,140,000 บาท ไปซื้อที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 3 งาน 118.9ตารางวา ใน จ.นนทบุรี , วันที่ 29 พ.ย.60 นายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้นำเงิน 18,450,000 บาทไปซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 1 งาน 23 ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.            
            และเมื่อวันที่ 6 ต.ค.60 นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่ 2 นำเงิน 43,130,000 บาทไปซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 3 งาน 80 ตารางวา แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กทม. ,วันที่ 6 ธ.ค.60 น.ส. สุพิชฌาย์  จำเลยที่ 3 นำเงิน 8.5 ล้านบาทไปจดทะเบียนขายฝากที่ดิน 6 แปลง เนื้อที่ 94.5ตารางวา แขวงจันทรเกษม แขวงลาดยาว  แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. (รวมเงินทำธุรกรรมที่ดินทั้งสิ้น 176,220,000 บาท) เหตุเกิดที่ แขวงจันทรเกษม แขวงลาดยาว แขวงจอมพล เขตจตุจักร , แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา , แขวง-เขตดินแดง แขวง-เขตห้วยขวาง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี , แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. , ต.บางกร่าง และ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี , ต.บางพระ และต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเมื่อวันที่ 9 ส.ค.61 เจ้าพนักงานจับกุมสามารถจับกุม นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่ 2 ได้ ส่วน น.ส. สุพิชฌาย์  จำเลยที่ 3 จับกุมได้เมื่อวันที่ 15 ส.ค.61 และจับกุม นายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยในชั้นสอบสวนทั้งสามให้การปฏิเสธ
            โดยวันนี้ นายปริญญา ,นายจิรัชพิสิษฐ์ และ น.ส.สุพิชฌาย์ ที่ได้รับการประกันตัวด้วยหบักทรัพย์ 2 ล้านบาท ก็เดินทางมาศาลตามนัด
            ขณะที่นายปริญญา จำเลยที่ 1 และทนายความจำเลยทั้งสามแถลงร่วมกัน กรณีที่ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.61 และวันที่ 11 ก.พ.62 ขอให้จำหน่ายคดีชั่วคราว เพื่อรอฟังผลพิจารณาคดีของศาลแขวงดุสิต (นายปริญญากับพวกรวม 9 คน ถูกนายเออาร์นี่ย์ โอตาวา ชาริมา (Aamai Otava Saarimaa) ชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหาย ยื่นฟ้องฐานร่วมกันฉ้อโกง) โดยแถลงระบุ คดีที่ถูกฟ้องในศาลแขวงดุสิตนั้นยังอยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ และยังต้องไต่สวนพยานโจทก์อีก 2 ปาก ซึ่งจะต้องมีการถามค้านพยานโจทก์ด้วย จึงยังใช้เวลานาน ดังนั้นจำเลยทั้งสามจึงต้องยื่นคำร้องขอให้จำหน่ายคดีอาญานี้ไว้ชั่วคราวก่อน 
            โดยศาลสอบถาม อัยการโจทก์แล้ว แถลงไม่ค้าน 
            "ศาล" พิเคราะห์แล้ว วันนี้ยังไม่อนุญาตให้จำหน่ายคดีเพื่อรอฟังผลพิจารณาคดีที่ศาลแขวงดุสิตตามคำร้องของจำเลย โดยเห็นสมควรให้รอมีคำสั่งในนัดหน้า ที่กำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานไว้ในวันที่ 13 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. 
            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีที่ "นายเออาร์นี่ย์ โอตาวา ชาริมา" (Aamai Otava Saarimaa) ชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหาย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "นายปริญญา" เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 9 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง เป็นคดีดำ อ.673/2561ต่อศาลแขวงดุสิตนั้น ศาลกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์วันที่ 5 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา คู่ความดังกล่าวได้ไกล่เกลี่ยเจรจากัน ซึ่งฝ่ายจำเลยเสนอที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โดยคดียังรอไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เวลา 13.30 น.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ