ชาวภูเก็ตร้องดีเอสไอช่วยพิสูจน์สิทธิที่ดิน

ชาวเกาะแก้ว จ. ภูเก็ต ร้องดีเอสไอช่วยวิเคราะห์แผนที่ทางอากาศย้อนหลังพิสูจน์สิทธิครอบครองที่ดินเกือบ 300 ไร่   หลังถูกนายทุนฟ้องขับไล่ เรียกค่าเสียหาย เชื่อเป็นที่ดินว่างเปล่าหมดสัมปทานบัตรเหมืองแร่ แห่เข้าจับจองทำประโยชน์นาน 10 ปี  ด้านดีเอสไอขอตรวจสอบหลักฐานก่อน

          กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) – 23 ม.ค.62 นายสุรศักดิ์ ไถนาเพรียว ประธานชุมชนประชาสามัคคี หมู่ 2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต และนายวีรายุทธ เจ๊ะโซ๊ะ นำตัวแทนชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กับพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบเอกสารพร้อมภาพถ่ายแผนที่ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างนายทุนและชาวบ้านเสนอหลักฐานต่อศาลในการครอบครองที่ดินของแต่ละบุคคล โดยระบุว่า ชาวบ้านได้เข้าไปทำกินในที่ดินว่างเปล่า ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ทำเหมืองแร่ดีบุกที่หมดอายุสัมปทานบัตรแล้ว โดยชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นที่ดินว่างเปล่าหรือถูกทิ้งร้าง ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้ จึงได้เข้าไปทำเกษตร เลี้ยงสัตว์ และปลูกบ้านเป็นที่อยู่อาศัยนานเกือบ 10 ปี จนมีสภาพเป็นชุมชนที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ร่วมกันมากกว่า 300 ครัวเรือน โดยระหว่างนั้นไม่เคยมีนายทุนรายใดอ้างตัวเป็นเจ้าของที่ดิน จนกระทั่งปี 2561 นายทุนฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชาวบ้าน 326 ราย ในจำนวนดังกล่าว 26 รายถูกฟ้องทั้งที่ไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่ดินแปลงที่เป็นข้อพิพาท 

          นายวีรายุทธ กล่าวว่า ตนและนายสุรศักดิ์ ถูกฟ้องถึง 4 คดี เป็นคดีอาญา 1 คดี คดีแพ่ง 3 คดี ส่วนชาวบ้านรายอื่นๆ ถูกฟ้องรายละ 1-2 คดี จึงต้องรวมตัวกันมาร้องขอความเป็นธรรมจากดีเอสไอเพื่อขอให้ช่วยทำภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศย้อนหลังไปถึงปี 2494 ซึ่งนายทุนอ้างว่าเข้าทำประโยชน์ในที่ดินกว่า 297 ไร่ โดยมีการทำสวนมะพร้าวและสวนจาก  ก่อน ที่ประมวลกฎหมายที่ดินจะมีผลบังคับใช้ ต่อมาได้ให้เช่าที่ดินไปขอสัมปทานบัตรเหมืองแร่ดีบุก หลังจากนั้นที่ดินแปลงดัง กล่าวเป็นข้อพิพาทฟ้องร้องกันระหว่างทายาทของนายทุนกับเจ้าของเหมืองแร่ กระทั่งศาลฎีกาตัดสินให้ฝ่ายนายทุนชนะคดี  นายทุนจึงนำคำพิพากษามาฟ้องดำเนินคดีกับชาวบ้านที่เข้าทำกินในเขตสัมปทานเหมืองแร่

          ขณะที่นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือในครั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ในที่ดินที่ดังกล่าวเข้าใจว่าเป็นว่าเป็นดินว่างเปล่าและเป็นที่ดินประทานบัตรเหมืองแร่ที่สิ้นสุดแล้ว จึงเข้าไปปลูกบ้านพักอาศัยพร้อมปลูกพืชผลทางการเกษตร ประกอบกับเมื่อปี 2548 ทางอำเภอเมืองภูเก็ตได้ปิดประกาศให้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่มือเปล่าให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันเป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน จึงทำให้มีชาวบ้านจากพื้นที่อื่นเข้าไปอาศัยเพิ่มมากขึ้น
 

          ด้านพ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เอกสารที่ชาวบ้านนำมามอบให้ดีเอสไอในเบื้องต้นมีเพียงคำพิพากษาของศาลเท่านั้น  ซึ่งดีเอสไอคงต้องพิจารณาภายใต้ข้อเท็จจริงและขอตรวจสอบรายละเอียดในข้อมูลหลักฐาน ให้รอบคอบก่อน จึงจะสามารถให้คำแนะนำที่เหมาสมต่อไปได้.