รองโฆษกโกศลวัฒน์ เผย 28 ธ.ค.นี้ พร้อมลงนาม 3 หน่วยงาน เสริมศักยภาพ ตามยึดทรัพย์จ่ายค่าปรับคดีอาญา-ค่าสินไหมคดีแพ่ง-ค่าปรับผิดสัญญาประกัน เคยตามเช็คบิลนับล้าน
23 ธ.ค.61 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เปิดเผยว่า สํานักงานอัยการสูงสุด ได้ร่วมกับ กรมบังคับคดี และสํานักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะเป็นผู้มีอํานาจหน้าที่กํากับดูแลการดําเนินกิจกรรมในตลาดทุนหรือตลาดหลักทรัพย์ จะลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อประโยชน์ ในการบังคับคดีกับผู้กระทําความผิด ระหว่าง 3 หน่วยงานในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ โดยมี นายชาตรี สุวรรณิน อธิบดีอัยการสํานักงานการบังคับคดี , น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี และ นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. ร่วมการลงนามในครั้งนี้ ซึ่งแนวคิดเรื่องนี้ หลักคือเมื่ออัยการฟ้องคดี สืบพยานให้ประชาชนและหน่วยงานจนชนะคดีแล้ว อัยการก็ควรบังคับคดีเอาเงินมาให้ โดยทำให้กระบวนการดำเนินการได้ครบถ้วนจนสิ้นกระแสความ
นายโกศลวัฒน์ รองโฆษกอัยการ กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าจำเลยที่ถูกศาลมีคำพิพากษาในคดีอาญาซึ่งถึงที่สุดแล้ว เช่น คดียาเสพติด , คดีลักวิ่งชิงปล้น , กรรโชก , คดีทำธุรกรรมทางการเงินโดยฉ้อฉล เมื่อศาลมีคำพิพากษาจำคุกและปรับแล้ว แต่ปรากฏว่าจำเลยยังไม่ดำเนินตามกระบวนการชำระค่าปรับ ขณะที่ยังไม่สามารถติดตามบังคับเอาทรัพย์สินให้ตกแก่แผ่นดินได้ หรือนายประกันนำหลักทรัพย์มาวางศาลเพื่อประกันตัวแล้วแต่จำเลยหนีคดี ส่วนที่เป็นหลักทรัพย์ซึ่งนำมาวางศาลแลกอิสรภาพก็ยังบังคับคดีไม่ได้
ขณะที่คดีแพ่งซึ่งส่วนราชการของรัฐเป็นตัวความชนะคดีแล้ว ยังไม่มีการตั้งเรื่องบังคับคดียึดทรัพย์มาส่งมอบแก่รัฐ ปัจจุบันมีมากขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งคดีแพ่งที่รัฐเป็นตัวความ มักจะมีทุนทรัพย์พิพาทเป็นแสนล้านบาท แต่เมื่อฝ่ายส่วนราชการชนะคดีแล้ว บางทีก็ปิดบัญชีและแทงเป็นหนี้สูญบ้าง หรือไม่เคยตั้งเรื่องบังคับคดีมาก่อนทำให้เกิดความเสียหายได้ เหล่านี้หากมีการร้องเรียนส่วนราชการต้องรับผิดชอบ แต่ทางแก้คือให้ส่วนราชการมาร้องให้อัยการไปบังคับคดีให้โดยมอบอำนาจให้อัยการทำ เช่นยึดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งยึดมาแล้ว 290 ล้านบาท , คดีค่าปรับท้ายคำพิพากษาส่วนอาญาที่ติดตามยาก ก็ยึดมาได้แล้ว 90 ล้านบาท , ส่วนคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาที่ผู้เสียหายเรียกร้องเอาจากจำเลยและศาลมีคำพิพากษาให้ชนะคดี เดิมผู้เสียหายต้องไปเรียกร้องเองปัจจุบันอัยการรับทำให้ เพราะเมื่อช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด
นายโกศลวัฒน์ กล่าวอีกว่า การรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 14 กําหนดให้พนักงานอัยการมีอํานาจ และหน้าที่ดําเนินคดีแทนรัฐบาล หน่วยงานของรัฐที่เป็นองค์กรตาม รัฐธรรมนูญ ราชการส่วนกลาง หรือราชการส่วนภูมิภาคและอื่นๆ ซึ่งก่อนที่จะดําเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้กระทําความผิดหรือจําเลยได้นั้นต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สิน สืบหาทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าวก่อนซึ่งอาจอยู่ในรูปของเงินฝาก , ยานพาหนะ , ที่ดิน , พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้น เป็นต้น โดยการขอ ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่าว จากนั้นจึงเข้าสู่ กระบวนการบังคับคดีตามกฎหมายโดยผ่านเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้การบังคับคดีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สํานักงานอัยการสูงสุด จึงจะได้ร่วมกับกรมบังคับคดี และสํานักงาน ก.ล.ต. ดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง