ข่าว

ยกฟ้อง "สันธนะ" ขัดขวาง-ดูหมิ่นตร.ค้นตลาดดอนเมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลแขวงดอนเมือง ชี้ พฤติการณ์ ไม่เข้าความผิด "สันธนะ" เตรียมฟ้องตำรวจ 18 นายศาลอาญาคดีทุจริตฯกลาง สัปดาห์หน้า


          19 ธ.ค.61-ที่ศาลแขวงดอนเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1078/2561ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 9 (ดอนเมือง) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ ประยูรรัตน์" อายุ 59 ปี อดีตนายตำรวจสันติบาล ปัจจุบันที่ปรึกษาบริษัท ตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการ ตามหน้าที่ มวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำปรับ และผู้ใดต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ฯ ตามมาตรา 138 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำปรับ         


         

 

       ยกฟ้อง "สันธนะ" ขัดขวาง-ดูหมิ่นตร.ค้นตลาดดอนเมือง

     

         โดยโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.61 และนำสืบพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่  3 พ.ค.61 เวลากลางวัน ขณะที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นตำรวจชุดปฏิบัติการจับกุมตรวจค้นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับเครื่องสำอางและอาหารเสริม บริเวณตลาดใหม่ดอนเมือง จำเลยได้เดินเข้าไปในเส้นแถบกั้น แล้วแสดงกิริยาวาจาลักษณะว่ามีอำนาจ เพื่อทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ โดยนำหนังสือของผู้มีชื่อมาแสดงว่าเป็นพื้นที่เอกชน โดยจำเลยก็แสดงท่าทางจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ตักเตือน จำเลยก็เข้ามาประชิดแล้วใช้นิ้วมือขวาชี้ไปผู้เสียหาย นอกจากนี้จำเลยก็ใช้วาจาเสียงดังกว่าปกติและยังพูดว่าถ้าจะทำต่อไปต้องโดนอย่างนี้ ซึ่งจำเลยยังใช้นิ้วชี้ที่ร่างกายผู้เสียหายที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชา

ซึ่ง "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ" ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และชั้นพิจารณาก็ได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ที่ศาลตีราคาประกัน 15,000บาท โดยวันนี้ "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ" เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมคณะผู้ติดตาม

            ยกฟ้อง "สันธนะ" ขัดขวาง-ดูหมิ่นตร.ค้นตลาดดอนเมือง
       

           โดย "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ" ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังคำพิพากษาด้วยว่า กระบวนการที่ถูกกล่าวหาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่กำกับโดย 3นายพลตำรวจนั้น การพิสูจน์ข้อเท็จจริง ข้อพิรุธในศาล ศาลท่านให้ความเมตตาตนในการสู้คดีเต็มที่ ตนพกความมั่นใจมา 99% คดีวันนี้ข้อหาดูหมิ่นขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติตามหน้าที่ คำว่า "ตามหน้าที่" ต้องปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย การกล่าวหาตนโดยให้ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง เป็นผู้กล่าวหานั้น ถ้าตนผิดจริงไม่ต้องให้ พล.ต.ต.นราเดช กล่าวหาคนเดียว ตำรวจทั้งสตช. กล่าว หาได้เลย ตนเป็นตำรวจมาก่อน คนแต่งเครื่องแบบมาปฏิบัติหน้าที่มีหรือตนจะไม่ให้เกียรติ ถ้าทำตามกฎหมายตนพร้อมยอมรับ การแจ้งความใส่ร้ายทำให้สังคมมองตนไม่ดี แต่ถ้าตนถูกลงโทษก็พร้อมรับ เผื่อใจไว้ 1% เหมือนกัน เพราะขณะนี้ประเทศบริหารด้วยอำนาจพิเศษ ตนก็จะสู้ต่อไปในกระบวนการ ซึ่งไม่ได้สู้ด้วยปากเปล่า มีพยานเอกสารนำสืบให้ศาลเห็นตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ มีการวางแผนเป็นขั้นตอน มีข้อพิรุธที่ตนชี้ให้เห็นว่าบันทึกประจำวันมีการแก้ไขขีดลบ เอามาส่งศาลเป็นเอกสารเท็จ หลังพิพากษาแล้วต้องกลับไปถึงทุกคนแน่ เพราะคดีมาถึงศาลต้องการให้ตนต้องโทษจำคุก โดยวันพฤหัสบดีที่ 27 ธ.ค. ตนจะไปฟ้องตำรวจที่มีนายพลตำรวจด้วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง 18 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จากเหตุการณ์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตั้งแต่การเข้าตรวจค้นในพื้นที่

         ขณะที่เมื่อถึงเวลานัด "ศาล" ได้อ่านคำพิพากษา ซึ่งพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานนั้น ศาลเห็นว่า ตามหนังสือขอใช้พื้นที่ระบุวันที่ 2 พ.ค.61 ตั้งแต่ 11.00 น. ตลอดเวลาปฏิบัติการ ซึ่งหมายความว่า จะดำเนินการจนกว่าจะเสร็จสิ้น โดยวันเกิดเหตุจำเลยได้เดินเข้ามา เข้าไปในเส้นแถบกั้น ระบุกับผู้เสียหายว่า พื้นที่นั้นเป็นของเอกชนขอให้ออกจากพื้นที่ โดยตนเป็นที่ปรึกษาของบ.ตลาดใหม่ดอนเมือง และนำหนังสือที่มีชื่อของนายสุชาติ โชว์วิวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.ตลาดใหม่ฯ มาแสดง ซึ่งได้พูดจาโต้ตอบถึงสิทธิการใช้พื้นที่ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานอื่นใดจากโจทก์ว่า จำเลยกระทำอย่างอื่นที่จะเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานระหว่างปฏิบัติงาน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้องมาตรา 138

 

ยกฟ้อง "สันธนะ" ขัดขวาง-ดูหมิ่นตร.ค้นตลาดดอนเมือง

               ส่วนความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ มาตรา 136 นั้น ศาลเห็นว่า การกระทำที่ดูหมิ่น จะต้องเป็นคำพูดลักษณะด่าทอ ดูถูก เหยียดหยาม ให้เจ้าพนักงานซึ่งเป็นผู้เสียหายได้รับความอับอาย รวมทั้งพิจารณาพฤติการณ์แวดล้อมถึงความมุ่งหมายนั้นด้วย โดยขณะเกิดเหตุจำเลยแสดงกิริยาเพียงใช้เสียงดัง พร้อมชี้นิ้วไปทางผู้เสียหาย ก็เป็นเพียงการแสดงกริยาที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้น การกระทำจึงไม่เป็นความผิดบานดูหมิ่น ตามมาตรา 136  จึงพิพากษายกฟ้อง

             ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ" กล่าวว่า "อยากให้สังคมเป็นที่ประจักษ์ว่าหากพวกท่านไม่ได้รับความยุติธรรมจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ว่าหน่วยงานไหน องค์กรไหนผมอยากสร้างจิตวิญญาณของการเป็นนักสู้ ผมอยากให้พวกท่านต่อสู้กับความอยุติธรรม"

             เนื่องจากคู่กรณีของตนจะเรียกว่าเป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้องในอดีตอาชีพเดียวกันกับตนแต่ตนก็ยังถูกกระทำถึงขั้นนี้แบบนี้ ณ วันนี้ศาลยุติธรรมให้โอกาสตนและการต่อสู้นั้นสังคมก็ได้รับทราบแล้ว หากเจ้าหน้าที่ยังจะมีพฤติการณ์ประเภทมือจัดฉาก นักสร้างภาพก็ยุติพอได้แล้ว อย่าหลอกสังคมอีกเลย ใครมีหน้าที่ก็ทำตามหน้าที่ตามกรอบอำนาจที่มอบหมายให้ไว้เพื่อสังคมจะเดินไปอย่างปกติได้ ส่วนที่ตนจะไปยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ นั้น ก็รอให้ทุกอย่างชัดเจนไม่ใช่เพียงเมื่อเกิดเหตุแล้วตนก็มาพูดมาชี้แจงสังคมด้วยมือเปล่าแบบปราศจากพยานหลักฐาน โดยใครที่ดำเนินการที่กระทำทราบตัวเองดีอยู่แล้วกฎหมายก็ถือฉบับเดียวกัน ก็ร่ำเรียนมาด้วยตำราเหมือนกัน ซึ่งในวันที่จะไปยื่นฟ้องตนจะเรียนให้สังคมทราบว่าทำไมถึงต้องฟ้องคนนี้ โดยก็มีนายพลตำรวจด้วยซึ่งเป็นระดับทีรับผิดชอบด้วย ตนไม่ได้เลือกฟ้องเฉพาะคนหนึ่งคนใด หรือเลือกว่าใครที่เป็นคู่กรณีมีข้อครหากับตน แต่ตนมองเรื่องการทำงานการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา ทุกคนล้วนแต่มีวุฒิภาวะทั้งสิ้น การรับราชการมาจนมีตำแหน่งได้ระดับนี้การจะเซ็นลงนามสั่งการมีความเห็นก็ต้องรู้อยู่แก่ใจ สิ่งเหล่านี้ตนจะทำให้เห็นเป็นอุทาหรณ์ว่าถ้าพวกคุณรู้แล้วยังไม่เลิก รู้แล้วยังไปมีส่วนร่วม รู้แล้วทำโดยหวังประโยชน์ไม่ใช่ให้สังคมบ้านเมือง หรือให้กฎหมายไปตามครรลอง แต่ทำเพื่อความก้าวหน้าของตัวเองยอมเอาตำแหน่งหน้าที่ไปเสี่ยงด้วยเพราะคิดว่าคนนั้นเป็นผู้มีอำนาจแล้วก็จะเห็นว่าเขารักคุณจริงหรือไม่ เมื่อวันที่ถึงศาลเป็นคดีเป็นจำเลยเขาจะทิ้งคุณหรือไม่ รอดูกันวันนั้น ซึ่งตนก็ทำคำฟ้องไว้เรียบร้อยแล้ว

           เมื่อถามว่าผลคดีนี้ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด เนื่องจากยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้แล้วมีความกังวลหรือไม่ "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ" กล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่เขา ถ้าเขาฟังคำพิพากษาของศาลแล้วหากยังไม่ชัดเจนในพฤติการณ์กระทำของพวกท่านอีกท่านก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ ท่านสู้ไปไม่เป็นไร ซึ่งตนเห็นว่าคดีคงไม่ต้องฎีกาเพราะคำพิพากษาของศาลพิเคราะห์พิจารณาในข้อเท็จจริงไว้แล้ว

           เมื่อถามว่า มั่นใจในคดีกรรโชกทรัพย์ที่ถูกยื่นฟ้องไว้ที่ศาลอาญาด้วยหรือไม่ "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ" กล่าวว่า คุกไม่ได้มีไว้สำหรับคนที่ไม่ได้ทำผิด ตนก็รู้ตัวเองดีอย่างวันนี้ยังมีพนักงานของบริษัทหรือกระทั่งประธานกรรมการบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมืองมารับฟังคำพิพากษาคดีวันนี้ด้วย ถ้าตนผิดพวกเขาจะมาหรือไม่ ซึ่งตนก็เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้กับพนักงานบริษัทด้วยถ้าพวกเขาจะลงโทษพวกคุณ ตนจะเหมารับคนเดียวโดยตนก็ยังยืนยันเช่นนั้น ซึ่งคดีกรรโชกทรัพย์นั้นก็รอสืบพยานเดือน พ.ค.ปีหน้า (2562)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ