เร่งแจกวัคซีนสกัดโรคปาก-เท้าเปื่อย

             19 พฤศจิกายน 2561 นายสัตวแพทย์จีระศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่าสั่งการให้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคปากและเท้าเปื่อยในโคอย่างเข้มงวดเพื่อให้โรคสงบเร็วที่สุด  

             โดยเฉพาะพื้นที่ที่เลี้ยงโคนมหนาแน่นให้เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามรอบ อีกทั้งให้เกษตรกรฉีดวัคซีนแก่โคซ้ำ แม้ยังไม่ครบรอบ 6 เดือน หากพื้นที่นั้นมีการแพร่กระจายของโรคอย่างรวดเร็ว โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและโคเนื้อสามารถรับวัคซีนได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

             รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่การระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในอำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรีอีกครั้งเนื่องจากเป็นอำเภอที่มีการเลี้ยงโคนมอย่างหนาแน่นกว่า 16,000 ตัว ย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่อย่างรวดเร็ว กรณีเกษตรกรแจ้งอาการโคป่วย สงสัยเป็นโรคปากและเท้าเปื่อย โดยเฉพาะในโคนม ซึ่งหากลูกโคติดเชื้อ อัตราการตายจะสูง ส่วนแม่โค แม้รักษาจนหายป่วยแล้ว อัตราการให้นมจะลดลง ทำให้เกษตรกรเกิดความสูญเสีย สำหรับที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในตำบลหนองรี ซึ่งก่อนหน้านี้มีแม่โคที่เพิ่งคลอดลูก มีปัญหารกค้าง ทำให้ร่างกายอ่อนแอจนติดเชื้อแทรกซ้อนจนล้มนั้น ขณะนี้โคนมที่เหลือในฟาร์มยังมีป่วยเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยอยู่ แต่ไม่พบการตายเพิ่ม

             รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวถึงผลกการติดตามสถานการณ์โรคในจังหวัดกาญจนบุรีและราชบุรีซึ่งยังคงประกาศเป็นพื้นที่เขตโรคระบาดสัตว์ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ประสานกับทางอำเภอและจังหวัดร่วมตั้งด่านควบคุมไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายสัตว์ออกจากพื้นที่เขตโรคระบาดอย่างเข้มงวด โดยการเลี้ยงโคนมใน 2 จังหวัดนี้ ทางปศุสัตว์จะต้องเข้าไปสนับสนุนให้มีการทำมาตรฐานฟาร์ม กำหนด ทั้งมาตรฐาน GFM หรือ มาตรฐาน GAP เนื่องจากยังมีฟาร์มที่เลี้ยงโดยไม่ได้แยกสัดส่วนออกจากที่อยู่อาศัย รวมถึงการป้องกันโรคเข้าสู่ฟาร์มยังไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้เกิดโรคซ้ำซาก อีกทั้งเกษตรกรจำนวนมากละเลยการทำวัคซีนป้องกันโรค

             ทั้งนี้วิธีการฉีดวัคซีนนั้นต้องดึงหนังแล้วฉีดเพื่อให้มั่นใจว่าวัคซีนเข้าอยู่ใต้ผิวหนังครบตามปริมาณที่กำหนด รวมถึงต้องรักษาอุณหภูมิของวัคซีนให้เหมาะสมตั้งแต่ต้นทางจนถึงฉีดเข้าตัวสัตว์ โดยอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสและไม่สูงกว่า 8 องศาเซลเซียสซึ่งมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพของวัคซีน

             ปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการควบคุมโรคปากและเท้าเปื่อยอีกประการคือ เมื่อสัตว์ติดเชื้อจะต้องไม่เคลื่อนย้ายสัตว์ป่วยและสัตว์ที่ร่วมฝูงออกจากฟาร์ม แต่เกษตรกรมักต้องการขายออกเนื่องจากแม่โคจะให้น้ำนมน้อยลง ไม่คุ้มค่าอาหาร จึงยอมขายในราคาถูก เช่น จากราคาโคตัวละ 40,000 บาท พ่อค้าจะรับซื้อที่ราคาประมาณ 20,000 บาทเพื่อนำไปเข้าโรงฆ่า ชำแหละเนื้อขาย ทำให้โรคแพร่กระจายออกไป จึงสั่งการให้ตั้งด่านควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์อย่างเข้มงวด

            นอกจากนี้ที่อำเภอวัฒนานิคม จังหวัดลพบุรีได้รับแจ้งว่า ฟาร์มของนายสุเทพ จวนแจ้ง บ้านเลขที่ 27 หมู่ 2 ตำบลชอนน้อย มีคนร้ายนำสารพิษใส่ลูกโป่งยัดไว้ในฝักข้าวโพด โยนให้กับโคนมซึ่งผูกเลี้ยงไว้บริเวณหลังบ้าน นายสุเทพให้ข้อมูลว่าไม่ทราบตัวผู้กระทำและไม่ได้มีปัญหากับเพื่อนบ้านและคนรู้จัก แต่โชคดีที่โคไม่ได้กินสารพิษเข้าไป จึงได้ส่งตัวอย่างสารพิษในข้าวโพดเพื่อตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ

             โดยได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันตำบลช่องสาริกาเมื่อเดือนมกราคม ทำให้โคนมล้ม 2 ตัวและเมื่อวันที่ 11 พฤศิจกายนเกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง มีโคล้ม 1 ตัว ซึ่งรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ได้ประสานกับตำรวจและฝ่ายปกครองเร่งตรวจสอบหาผู้กระทำผิดและสอบสวนว่า เป็นความขัดแย้งส่วนตัวหรืออาศัยช่วงเกิดโรคระบาด กำจัดวัวเพื่อให้เกษตรกรตื่นตระหนกและขายวัวออกจากฟาร์มในราคาถูก พร้อมกันนี้แนะนำเกษตรกรให้ทำรั้วรอบขอบชิดฟาร์มของตนเองและติดกล้องวงจรปิดไว้ที่คอก ทั้งนี้ห่วงใยเป็นพิเศษเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและทรัพย์สินของประชาชน