ข่าว

ดันกัญชาทางการแพทย์ 17 มาตรา มีผลครบวงจร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ประจิน" ดันร่างพรบ.กัญชาทางการแพทย์ 17 มาตรา คาดผ่านสนช. ภายในเดือนธ.ค.นี้ มีผลให้ปลูก-ผลิต-จำหน่าย-ใช้รักษาโรคภายใต้การควบคุมครบวงจร

 

          กระทรวงยุติธรรม - 7 พ.ย. 61 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรียุติธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปลดล็อคนำพืชกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ ว่า จากความล่าช้าในการพิจารณาร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด 2 ฉบับ เป็นเหตุให้คณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชาและกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสนช.เสนอให้ดึงกฎหมาย 17 มาตรา จากร่างประมวลยาเสพติดมายกร่างเป็นพ.ร.บ.ฉบับใหม่ โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมายจะพูดถึงสาเหตุความจำเป็นการใช้พืชกัญชาเพื่อรักษาโรค การขออนุญาตปลูกและผลิตในพื้นที่ควบคุม การขออนุญาตครอบครองโดยแพทย์และเภสัชกรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ป่วยที่จะครอบครองและพกพาต้องมีใบรับรองจากแพทย์และสามารถครอบครองได้ในปริมาณจำกัด โดยกระทรวงสาธารณสุข องค์การอาหารและยา สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะร่วมดูแลการปลูกและใช้ประโยชน์จากพืชกัญชาและกระท่อมภายใต้เงื่อนไขที่ชัดเจน
 

 

          พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า พืชกัญชายังคงสถานะเป็นยาเสพติดรัฐบาลไม่ได้ปลดล็อคให้เสพได้ แต่ปรับกฎหมายให้สามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างคล่องตัวในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ในวันที่ 9 พ.ย.นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะหารือรายละเอียดในร่างพ.ร.บ.ให้ชัดเจนว่าจะปรับให้พืชกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 เป็นยาเสพติดประเภท 2 หรือไม่ จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ หากครม.เห็นชอบคาดว่าจะนำเข้าสนช.เพื่อพิจารณาอย่างรวดเร็ว ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้

 

          "ส่วนตัวเห็นว่าจะปรับกัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 2 หรือคงไว้เป็นยาเสพติดประเภท 5 ก็ไม่มีผลแตกต่างกัน เพราะร่างพ.ร.บ.ฉบับใหม่กำหนดหลักเกณฑ์การใช้ การควบคุม พร้อมบทลงโทษกับผู้ฝ่าฝืนไว้ชัดเจนแล้ว แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นยาเสพติดประเภท 2 กัญชาจะไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับยาเสพติดที่เป็นยารักษาอาการปวดของผู้ป่วยบาดเจ็บฉุกเฉิน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะต้องกำหนดมาตรการควบคุมและเงื่อนไขการใช้ให้ชัดเจนและรัดกุม โดยจะมีการปรับกฎและระเบียบกระทรวงสาธารณสุข" พล.อ.อ.ประจิน กล่าว

 

          พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต่อไปว่า หากร่างกฎหมายผ่านความเห็นชอบจากสนช.ขั้นตอนต่อไปต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา หลังจากนั้นจึงมีผลบังคับใช้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการขออนุญาตปลูก ผลิต จำหน่าย และทดลองใช้รักษาผู้ป่วยทางการแพทย์

   

          พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสนอให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจนั้น สืบเนื่องมาจากข้อมูลที่ประเทศไทยนำเข้ายาจากต่างประเทศจำนวนมาก หากเราสามารถผลิตยาได้เองก็จะสามารถลดค่าใช้จ่าย และเป็นการสร้างงานให้กับคนไทย ถือเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจและเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนจากระดับบนลงล่าง แต่ไม่ได้หมายความว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจเช่นเดียวกับข้าว มันสำปะหลัง หรือข้าวโพด กัญชายังมีคงสถานะเป็นพืชเสพติด ในส่วนของพื้นที่ปลูกกัญชาไม่จำกัดว่าต้องเป็นพื้นที่ภาคอีสาน จะเป็นพื้นที่ใดก็ได้แต่ต้องมีมาตรการควบคุมพื้นที่ปลูกและปริมาณผลผลิตอย่างเข้มข้น และได้รับใบอนุญาตจากทางราชการเท่านั้น

 

          พล.อ.อ.ประจิน กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้สามารถใช้กัญชาเพื่อสันทนาการว่า สังคมไทยยังมีความห่วงใยกับเรื่องนี้ การดื่มสุราหรือสูบบุหรี่ก็เป็นกิจกรรมสันทนาการ แต่มีคำเตือนว่าบุหรี่และสุรามีโทษ หากต้องการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการจะต้องผ่านการหารืออย่างเข้มข้นถึงความต้องการใช้กัญชาและปริมาณความเข้มข้นในการเสพ ที่สำคัญจะต้องสร้างความตะหนักรู้รับผิดชอบต่อสังคมก่อน เนื่องจากในบางประเทศที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการก็ไม่ใช่การเสพเสรี แต่มีข้อกำหนด และยังพบปัญหาในแง่ลบ เช่น ในบางรัฐของสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ใช้กัญชารักษาโรคในราคาไม่แพง ต่อมาอนุญาตให้ใช้เพื่อสันทนาการแต่ปรากฏว่า มีการนำกัญชาจากตลาดมืดที่มีความเข้มข้นสูงแฝงเข้ามา และลักลอบขายในราคาแพงกว่ากัญชาของรัฐ เราจึงต้องพิจารณาในส่วนนี้เพื่อไม่ให้มีผลกระทบตามมา วันนี้ยืนยันว่าไทยยังไปไม่ถึงจุดที่จำเป็นต้องใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ.


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ