ข่าว

(ฉบับเต็ม) 2 แม่เล้า อ่วมเจอคุกอีกร้อยปี ค้ากามแก๊งนกฮูก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอาญา พิพากษาคุก 183-309 ปี " 2 แม่เล้า-อดีตดาบตำรวจ" จัดหาเด็กขายประเวณีโรงแรมแม่ฮ่องสอน ให้นับโทษต่อสำนวนแรกจำคุกสูงสุด 50 ปี ส่วนแม่เล้าอีกคนโดนคุก 65 ปี

    

          18 ต.ค.61 - ที่ห้องพิจารณาคดี 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์ ประเวณีเด็กแก๊งนกฮูกน้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน สำนวนที่ 2 หมายเลขดำ คม.74/2560 ที่อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 3 และผู้ปกครอง 1 รายกับเด็กสาวผู้เสียหาย 3 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ปิยะวรรณ หรือเจ๊เมย์ สุขมา อายุ 27 ปี , น.ส.ปิยทัศน์ หรือเจ๊ฟ้า ภาคเทียนสุวรรณ อายุ 31 ปี ทั้งสองเป็นแม่เล้า , ด.ต.ยุทธชัย ทองชาติ หรือดาบยุทธ อายุ 43 ปี สังกัด สภ.น้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นผู้จัดหาลูกค้าและอยู่เบื้องหลังการค้าประเวณี และ น.ส.กัลยา หรือจอย วุฒิคุณ อายุ 41 ปี แม่เล้า เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ , ร่วมกันเป็นธุระจัดหาพาเด็กอายุเกิน 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปีไปเพื่อกระทำการค้าประเวณีโดยข่มขู่-ฉ้อฉล-หลอกลวงด้วยเจตนาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นและเพื่อการอนาจาร , ร่วมกันพรากเด็กผู้เยาว์ไปเสียจากผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2539 มาตรา 4,9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 , 317 , 318 , 319 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งโจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่ต่อจากคดีอาญา ค้ามนุษย์สำนวนแรกหมายเลขดำ คม.42/2560 ด้วย

          ขณะที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งจำเลยทั้งสี่ร่วมกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนสำหรับเด็กสาวผู้เสียหายโจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 3,706,510 บาท โดยโจทก์ร่วมเองก็ขอให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชดใช้จำนวน 2,824,000 บาท และเด็กสาวผู้เสียหายโจทก์ร่วมที่ 3 ขอให้จำเลยที่ 4 ชดใช้ 1 ล้านบาทตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 ด้วย       

 

       

  โดยคำฟ้องอัยการโจทก์ ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 ม.ค.55 – 6 พ.ย.59 จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันพา "น.ส.เอ" นามสมมุติ อายุ 16 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 1 ไปจากมารดาซึ่งเป็นผู้ปกครองที่เป็นผู้เสียหายที่ 2  โดย น.ส.เอ ผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย ซึ่งต่อมาพวกจำเลยได้ส่งผู้เสียหายไปยัง โรงแรมปางล้อวิลล่า ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และโรงแรมอื่นอีกหลายที่ กับหอพักเพื่อให้ค้าประเวณีกับลูกค้า นอกจากนี้เมื่อผู้เสียหายมีอายุ 17 ปีเศษ และ 18 ปีเศษพวกจำเลยก็ยังพาผู้เสียหายไปค้าประเวณีอีกหลายครั้งหลายหน และช่วงปี 2559 ยังพา "น.ส.บี" อายุ 14 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 3 , "น.ส.ซี" อายุ 18 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 4 , "น.ส.ดี" อายุ 17 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 5, "น.ส.เจ" อายุ 18 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 6 (ทั้งหมดนามสมมุติ) ค้าประเวณีตามโรงแรมใน จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยเช่นกัน จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

          ทั้งนี้ สำหรับ "จำเลยทั้งสี่" ปัจจุบันถูกขังในเรือนจำไม่ได้ประกันตัวในคดีสำนวนแรกที่ศาลอาญา พิพากษาไปเมื่อวันที่ 18 เม.ย.61 ซึ่งให้จำคุกไว้ 38-320 ปีแต่รวมลงโทษตามกฎหมายแล้วสุดท้ายจำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี โดยวันนี้ ศาลได้เบิกตัวจำเลยที่ 1-4 มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำกลางคลองเปรมเพื่อฟังคำพิพากษาสำนวนที่ 2  

          ขณะที่ "ศาล" พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์-จำเลยนำสืบ แล้วเห็นว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วม 4 คน กับเด็กสาวผู้เสียหายที่ 5และ6 เป็นประจักษ์พยาน เบิกความยืนยันว่า ที่ขายบริการทางเพศในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ก็ถูกจำเลยทั้งสี่เป็นธุระจัดหา ใช้อำนาจครอบงำโดยมิชอบให้ไปขายบริการตามโรงแรมที่พักต่างๆ ซึ่งคำเบิกความมีรายละเอียดของวัน-เวลา-สถานที่ที่ไปขายบริการทางเพศหลายครั้ง และมีการระบุถึงลูกค้าที่ซื้อทางเพศบางครั้งด้วย ซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญมีน้ำหนักว่ากลุ่มขบวนการแม่เล้าที่เป็นการธุระจัดหาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากเด็กและหญิงที่ขายบริการทางเพศในเมืองแม่ฮ่องสอนนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเพราะไม่อย่างนั้นแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งโจทก์ร่วมและผู้เสียหายจะเบิกความได้อย่างนี้ อีกทั้งยังมีการกระทำหลายครั้งที่ประจักษ์พยานโจทก์ดังกล่าวได้เบิกความถึงการกระทำของจำเลยที่ 1-34 อย่างสอดคล้องตรงกัน

          และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 3 นายที่เป็นพยานสนับสนุนเบิกความในส่วนของการเริ่มต้นวางแผนจับกุมจำเลยที่ 1 กระทั่งสามารถจับกุมจำเลยที่ 2 ได้ขณะกำลังรับเงินล่อซื้อการขายบริการทางเพศของโจทก์ร่วมที่ 4 กับผู้เสียหายที่ 6 ซึ่งได้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลจับกุมจับกุมที่ 3 และ4 กับผู้ร่วมกระทำความผิดอีกหลายคน ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ถูกดำเนินคดีในคดีหมายเลขดำ คม.42/2560 ของศาลอาญานี้แล้ว อีกทั้งคำให้การที่พยานโจทก์แต่ละคนเคยเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดี คม.42/2560 ก็ล้วนเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักมั่นคง มีรายละเอียดยืนยันการกระทำความผิดของจำเลยที่ 4ในแต่ละส่วนตามที่โจทก์ฟ้องอย่างชัดแจ้ง ขณะที่จำเลยทั้งสี่ไม่ได้นำสืบแสดงหลักฐานหักล้างว่าคำเบิกความของพยานโจทก์ในส่วนของโจทก์ร่วมทั้งสี่กับผู้เสียหายอีก 2 คนนั้นมีพิรุธขัดแย้งกันหรือเป็นเท็จ หรือไม่ถูกต้องกับข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง พยานหลักฐานของโจทก์ตามที่ไต่สวนมา จึงรับฟังได้แน่ชัดว่าจำเลยทั้งสี่ได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

          จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 9 วรรคสอง, มาตรา 10 วรรคหนึ่ง , มาตรา 52 วรรคหนึ่งและวรรคสอง โดยจำเลยที่ 3 เป็นข้าราชการต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานค้ามนุษย์

และจำเลยที่ 1-3 ยังมีความผิดพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง กับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282, 283,318 วรรคแรกและวรรคสอง

          ส่วน จำเลยที่ 4 มีความผิด ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 52 วรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม กับ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม,มาตรา 317 วรรคหนึ่ง วรรคสาม, 318 วรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม         

 

 

(ฉบับเต็ม) 2 แม่เล้า อ่วมเจอคุกอีกร้อยปี ค้ากามแก๊งนกฮูก

 

         

โดยการกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ให้จำคุกจำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปโดยกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปีซึ่งเป็นบทหนักสุดรวม 10 กระทง โดยจำคุกจำเลยที่ 1-2 กระทงละ 12 ปี รวมจำคุกคนละ 120 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ให้จำคุกกระทงละ 24 ปี รวมจำคุก 240 ปี กับ ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป อีก 1 กระทง โดยจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 6 ปี และจำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 12 ปี , ฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอม ซึ่งเป็นบทหนักสุดอีก 13 กระทงๆ ละ 3 ปี  รวมจำคุกจำเลยที่ 1-3 ตามข้อหา คนละ 39 ปี และฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร 3 กระทงๆ ละ 6 ปี  เป็นจำคุกจำเลยที่1-3 อีกคนละ 18 ปี โดยรวมจำคุกจำเลยที่ 1-2 ทั้ง 4 ข้อหา เป็นเวลาทั้งสิ้น 183 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ก็จำคุกทั้งสิ้น 309 ปี

          ส่วนจำเลยที่ 4 ฐานค้ามนุษย์ซึ่งกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี ซึ่งเป็นบทหนักสุด 2 กระทงๆละ12 ปี ก็จำคุก 24 ปี ,ฐานค้ามนุษย์ซึ่งกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี อีก 3 กระทงๆละ 8 ปี จึงจำคุกเป็นเวลา 24 ปี กับฐานเป็นธุระจัดหา พาไปเพื่อค้าประเวณีอีก 1 กระทง ก็จำคุก 3 ปี , ฐานพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่ออนาจาร จำคุก 8 ปี และฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปีฯ จำคุก 6 ปี  รวมจำคุกจำเลยที่ 4 ทั้ง 5 ข้อหาเป็นเวลา 65 ปี       

 

(ฉบับเต็ม) 2 แม่เล้า อ่วมเจอคุกอีกร้อยปี ค้ากามแก๊งนกฮูก

  สำหรับที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1-4 ในคดีนี้ติดต่อกันกับโทษจำคุกในคดีหมายเลขดำคม.42/2560 ของศาลนี้นั้น ปรากฏว่าคดีในวันนี้กับคดีดังกล่าวมีลักษณะการกระทำความผิดอย่างเดียวเกี่ยวพันกัน โดยจำเลยและผู้เสียหายเป็นบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งโจทก์อาจฟ้องคดีทั้งสองสำนวนเป็นคดีเดียวกันได้แต่ปรากฏว่าโจทก์แยกฟ้องคดีนี้กับคดีก่อน ขณะที่เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1-3ทุกกรรมในคดีก่อนนั้นให้จำคุกมีกำหนด 50 ปีเต็มตามเกณฑ์ที่กำหนดของการรวมลงโทษความผิดหลายกระทงหรือหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 91 (3) แล้ว กรณีจึงไม่อาจนับโทษจำคุกของจำเลยที่1-3 ในคดีนี้ติดต่อกับคดีก่อนได้ แต่ในส่วนของจำเลยที่ 4 ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีหมายเลขดำที่ คม.42/2560 มีกำหนด 38 ปีนั้นยังไม่เต็มเวลานับโทษตามที่กำหนดไว้ใน ป.อ. มาตรา91 (3) ดังนั้นศาลจึงให้นับโทษของจำเลยที่ 4 ติดต่อจากคดีก่อนตามที่โจทก์ขอได้จนเต็มเวลา 50 ปีตามเกณฑ์การนับโทษ

          ส่วนค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์และโจทก์ร่วมได้เรียกมานั้นศาลเห็นว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลยทั้งสี่ ทั้งหมด เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นสมควรกำหนดให้จำเลยที่ 1,2,3 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 850,000 บาท และให้จำเลยที่ 4 ชดใช้ค่าสินไหมแก่โจทก์ร่วมที่ 3 จำนวน 500,000 บาท  พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องที่ 8 ธ.ค.60

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ