ข่าว

ปลดล็อก "กัญชา" หวั่นเอื้อ บ.ยาต่างชาติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ประจิน"เผยปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์อาจไม่ต้องใช้ ม.44 ขีดเส้นป.ป.ส.ส่งการบ้าน 12ต.ค.ก่อนเสนอนายกฯ ระบุเร่งปลดล็อกอาจเอื้อต่างชาติที่มีลิขสิทธิ์ยาเข้ามาลงทุนในไทย

 

              เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 61 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าถึงการศึกษาข้อกฎหมายเพื่อเร่งปลดล็อกการใช้พืชกัญชาในทางการแพทย์ ที่มีความเป็นห่วงว่า สนช.จะพิจารณากฎหมายล่าช้าว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่ากัญชาทางการแพทย์ต้องปลดล็อกด้วยมาตรา 44 เท่านั้น เพราะยังมีทางเลือกตามกฎหมายปกติอีกหลายช่องทาง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขใช้อำนาจออกพระราชกฤษฎีกา หรือพระราชกำหนดปลดล็อกให้ทดลองใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคให้กับผู้ป่วย หากไม่สามารถใช้ช่องทางปกติก็พร้อมจะเสนอให้ใช้มาตรา 44 ส่วนปัญหาความล่าช้าในการพิจารณาร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งเป็นการรวบรวมกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดที่กระจายอยู่ในกฎหมาย 7 ฉบับ มารวมไว้ด้วยกันนั้น ยอมรับว่ามีความล่าช้าจริง แต่ขอไม่เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ สนช.พิจารณาผ่านไปแล้วกี่มาตรา ที่ผ่านมาได้เสนอให้ สนช. เพิ่มความถี่ในการประชุม หรือหากสนช.มีประเด็นใดต้องการให้เพิ่มเติมในร่างประมวลกฎหมาย ขอให้บรรจุลงไปในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ เพื่อให้มีการพิจารณาไปในคราวเดียว

 

 

 

              พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ได้เสนอรายงานสรุปผลการใช้พืชกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์มาแล้ว แต่เป็นการรายงานผลเพียงกว้างๆ ตนจึงสั่งให้ไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ผลการศึกษาวิจัยกัญชาใน 4 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรป ซึ่งเริ่มนำพืชกัญชามาผลิตเป็นยารักษาโรคลมชัก พาคินสัน และบรรเทาผลข้างเคียงจากการฉายแสงรักษาโรคมะเร็ง (คีโม) และยังขอให้ป.ป.ส.เพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับสายพันธุ์กัญชาที่นำมาผลิตยา เนื่องจากแต่ละสายพันธุ์มีคุณสมบัติสกัดตัวยารักษาโรคแตกต่างกัน รวมถึงขั้นตอนการผลิตเป็นตัวยาที่มีสูตรแตกต่างกัน ต้องมีห้องทดลอง มีผู้เชี่ยวชาญดูแลรักษาอย่างไร ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาต้องสมัครใจรักษา ขณะที่พื้นที่ใช้ปลูกกัญชาจะต้องมีระบบควบคุมอย่างไร ขั้นตอนการอนุญาตต้องทำอย่างไร ซึ่ง ป.ป.ส.ต้องเขียนแนวทางควบคุมตั้งแต่ต้นทาง กลางทางและปลายทางให้ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์

 

 

              “ในต่างประเทศมีงานวิจัยการใช้พืชกัญชาเพื่อรักษาโรคออกมาแล้วหลายสูตรยา จึงสามารถนำมาทดลองรักษาโรคได้. แต่ในเมืองไทยยังไม่สามารถนำสูตรยากัญชาต่างๆมาผลิตเองได้ เพราะในแต่ละสูตรมีลิขสิทธิ์เป็นของผู้วิจัยและบริษัทยา. เราจึงต้องวิจัยและผลิตเอง ที่ผ่านมาได้สั่งการให้ป.ป.ส.จัดทำข้อเสนอแนะที่สามารถทำได้จริงในประเทศไทย และเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทยได้ร่วมมือกับนักวิจัยของไทยในการผลิตกัญชาสายพันธุ์ไทย เพื่อใช้เป็นยารักษาโรคทางการแพทย์. เนื่องจากตัวยาที่สกัดได้จากัญชาแต่ละสายพันธุ์อาจมีได้หลายสูตรยา ดังนั้นจึงต้องวางแนวทางให้ผู้ประกอบการร่วมผลิตด้วย. หลังจากคลายล็อคและมีมาตรการควบคุม.โดยองค์การอาหารและยา (อย.) เป็นผู้ตรวจสอบว่ายาที่ผลิตออกมาผ่านเกณฑ์มาตรฐาน สามารถรักษาโรคได้จริงหรือไม่ ขณะที่องค์การเภสัชก็สามารถเข้าร่วมเป็นผู้ผลิตยาที่สกัดจากกัญชารายหนึ่งได้” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว

 

 

              พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า หากมีการคลายล็อกกฎหมายเร็วเกินไปโดยที่ยังไม่มีความพร้อม และยังศึกษาไม่รอบด้าน อาจจะเป็นการเอื้อให้บริษัทยาต่างชาติเข้ามาลงทุนในบ้านเรา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นประโยชน์จะไม่ตกกับคนในชาติ ซึ่งตนได้กำหนดกรอบเวลาให้ ป.ป.ส.จัดทำรายงานสรุปการวิจัยเพิ่มเติมและส่งถึงตนภายในวันที่ 12 ต.ค.นี้ หลังจากนั้นตนจะเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินใจต่อไป

 

 

ปลดล็อก "กัญชา" หวั่นเอื้อ บ.ยาต่างชาติ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ