ข่าว

"ชำนาญ" แจ้งความกลับผู้พิพากษาอีก 12 ราย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปธ.แผนกคดัล้มละลายศาลฎีกาไล่ยาวเอาผิดผู้พิพากษาร่วมโพลต์ไลน์-ให้ถ้อยคำอ.ก.ต.ช่วงโยกย้ายตำแหน่งด้านผู้พิพากษาอาวุโสแจงปมโอนคดีมรดกครอบครัวชำนาญไม่ใช่เรื่องต่อรอง


          1 ต.ค.61-นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเสนอถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่ง กรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.) ชั้นฎีกา ด้วยข้อกล่าวหาว่าก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่และข่มขู่ผู้พิพากษาในคดีมรดกครอบครัวที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งกระบวนการลงคะแนนถอดถอนหรือไม่จะนับผลตะแนนวันที่ 26 ต.ค.นี้ ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้มอบอำนาจให้ทนายความ ร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มบุคคลรวม 12 ราย ในข้อหาหมิ่นประมาท , หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 
 

 

                      "ชำนาญ" แจ้งความกลับผู้พิพากษาอีก 12 ราย

         ซึ่งบุคคลดังกล่าวนั้น ประกอบด้วย นายเดชา อัชรีวงศ์ไพศาล อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 2 , นายธนะรัตน์ ศิริพัฒนโกศล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา , นายรพี แพ่งสภา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดชลบุรี , นายศุภชัย ประไพนพ เลขานุการศาลยุติธรรมประจำภาค 2 , นายสุพจน์ หนูเกลี้ยง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลจังหวัดมีนบุรี , ผู้ใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า "Isaret" , ผู้ใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า "กรกฎ" โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวทั้ง 7 รายได้โพสต์ข้อความและแสดงความคิดเห็นในไลน์กลุ่มผู้พิพากษาใส่ความหมิ่นประมาทตน
          และ น.ส.ตรีทิพย์ วิเศษจินดา ผู้พิพากษาศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา , นางปรานต์ปวร ศิริเวช เจ้าหน้าที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา , นายพิพัฒน์ อินทร์พงษ์พันธุ์ ทนายความของสำนักงานทนายความวิชัย ทองแตง ทั้ง 3 รายนี้ ได้ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อ อ.ก.ต. (อนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม) ในการพิจารณาความเหมาะสมตนเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา ก็เป็นการใส่ความหมิ่นประมาทตน 
         ขณะที่ นายอาเล็ก จรรยาทรัพย์กิจ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งเป็นกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) และ นายดุสิต ฉิมพันธุ์ทวีสุทธิ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพัทยา 2 รายนี่ ได้นำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาของจำเลยในคดีมรดกซึ่งใส่ความหมิ่นประมาทตนมาลงเผยแพร่ในไลน์กลุ่มผู้พิพากษา ซึ่งทำให้มีข้อสงสัยว่าหนังสือของจำเลยมาอยู่ที่ผู้พิพากษาและนำออกเผยแพร่ได้อย่างไร
          "นายชำนาญ" ผู้ที่ถูกเสนอชื่อถอดถอนพ้น ก.ต.ชั้นฎีกา ยังกล่าวต่อไปอีกว่า การกระทำของคนกลุ่มนี้ทำให้ตนเสียหายต่อตำแหน่งหน้าที่และชื่อเสียงเกียรติยศ ไม่มีการถอดถอนตำแหน่งสำคัญใดในโลกที่กระทำได้ง่ายเช่นนี้ ไม่ต้องมีกระบวนการไต่สวนเพื่อการถอดถอน เพียงหนังสือฉบับเดียวกับการใช้โซเชียลมีเดียปลุกระดมล่ารายชื่อก็ร้องขอให้ถอดถอนได้แล้ว เป็นเรื่องง่ายมากแต่มีผลเสียหายร้ายแรงแก่องค์กรและผู้ถูกร้องขอให้ถอดถอน ฝากไปถึงหัวโจกว่าเป็นผู้พิพากษาต้องสง่าผ่าเผย ตรงไปตรงมา อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง มีตรงไหนที่เป็นการก้าวก่ายความเป็นอิสระของผู้พิพากษา ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษา ไม่ใช่การก้าวก่ายแทรกแซง
          "ถ้าจะอ้างเรื่องการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งหลักความเป็นอิสระของผู้พิพากษานั้น ให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ดูว่าใครเป็นผู้ต่อสู้ แต่ความเป็นอิสระต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ถูกนำมาบิดเบือนเพื่อใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ปัจจุบันหลักการนี้เข้มแข็ง ไม่มีใครแทรกแซงความเป็นอิสระของผู้พิพากษาได้ มีแต่ผู้พิพากษาบางคนที่ไม่สุจริตเท่านั้นที่ชอบอ้างความเป็นอิสระเพื่อกระทำในสิ่งที่ผู้พิพากษาทั่วไปไม่กระทำกัน ซึ่งถูกลงโทษไล่ออกไปหมดแล้ว ถ้ากล้าบิดเบือนก็ต้องกล้าลงชื่อ เปิดเผยตัว จะได้ปราบไม่ผิดตัว" นายชำนาญ ระบุ
            นายชำนาญยังกล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีของนายอาเล็ก ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ก.บ.ศ.ด้วยทำนองว่า การนำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาของจำเลยมาเผยแพร่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งผู้พิพากษาจะทำอย่างนี้ไม่ได้ เป็นการไม่สนใจความถูกต้อง ไม่เหมาะสม การกระทำเช่นนี้ควรถอดถอนใครกันแน่ ควรต้องลาออกจากการเป็นผู้พิพากษา ส่วนกรณีของนายดุสิตส่งแล้วยังกดยกเลิกข้อความ (Unsend) เด็กกว่ายังรู้ การเป็น ก.บ.ศ.ซึ่งเป็นตัวแทนระดับสูงในการบริหารศาลยุติธรรมนั้น ตนเคยเป็น ก.บ.ศ.มาก่อน โดยไม่ต้องหาเสียง ใช้แค่การแสดงวิสัยทัศน์ ผู้พิพากษาก็เลือกมาเป็น ก.บ.ศ.โดยมีคะแนนเป็นอันดับ 1 ของศาลฎีกา ไม่ต้องเล่นการเมือง
             เมื่อถามถึงกรณีที่มีรายงานว่ามีผู้พิพากษาบางรายไม่เห็นด้วยกรณีประธานศาลฎีกามีคำสั่งโอนคดีมรดกของครอบครัวนายชำนาญ จากศาลจังหวัดฉะเชิงเทราไปศาลแขวงสมุทรปราการ 
             "นายชำนาญ" ระบุว่า มีที่ไหนอยากตัดสิน ให้โอนแล้วกลับคัดค้าน แปลก เป็นผู้พิพากษาแบบไหนอยากรู้ถึงมาคัดค้านคำสั่งประธานศาลฎีกา ไม่เคยพบเห็น มีแต่กลุ่มนี้อยากรู้กี่คน แสดงตัวมาได้ไหมจะได้ปราบให้ดู แปลกที่กล่าวหาว่าตนข่มขู่แทรกแซงแต่อยากตัดสิน

 

             "ชำนาญ" แจ้งความกลับผู้พิพากษาอีก 12 ราย
              ขณะที่วันเดียวกันนี้นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์  ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึง ประเด็นที่ นายชำนาญ ทำเอกสารคำชี้เเจงการถูกยื่นถอดถอนจาก ก.ต.ซึ่งประเด็นหนึ่งชี้เเจงทำนองว่า ได้ตกลงกับประธานศาลฎีกาหากสั่งโอนคดีจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทราไปศาลอื่นตามที่โจทก์ (คดีมรดกน้องภรรยาของนายชำนาญ) เคยยื่นคำขอมาแล้วจะไม่ดำเนินคดีกับก.ต.จากการลงมติไม่ผ่านความเหมาะสมนายชำนาญ ขึ้นตำเเหน่งรองประธานศาลฎีกาโดยมิชอบว่า ข้อความดังกล่าวอาจทำให้ผู้พิพากษาหรือประชาชนเข้าใจผิดในอำนาจของประธานศาลฎีกาความจริงเเล้ว เรื่องการโอนคดีไปศาลอื่นนั้นเป็นอำนาจของประธานศาลฎีกาที่ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ที่ว่าหากประธานศาลฎีกาเห็นว่าคดีดังกล่าวอาจจะกระทบต่อความเป็นธรรมที่คู่ความอาจจะร้องว่ามีคู่ขัดเเย้งอันเป็นอุปสรรคต่อการพิจารณาคดีก็ให้อำนาจประธานศาลฎีกาสามารถกระทำได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายคดีที่มีการโอนคดีกันไม่ว่าจะเป็นคดีอื่นๆ หรือคดีใน 3 จังหวัดชายเเดนภาคใต้ ที่หากคู่ความเห็นเป็นเรื่องที่มีอุปสรรคต่อการพิจารณาพิพากษาคดีก็สามารถยื่นเรื่องให้เป็นอำนาจของประธานศาลฎีกาสั่งโอน อีกอย่างมติ ก.ต.ไม่สามารถที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกันได้ เรื่องนี้จึงไม่ใช่การเเลกเปลี่ยนอะไรกันเเน่นอน 
             "เชื่อว่าการโอนคดี ประธานศาลฎีกาได้ใช้ดุลยพินิจในตำเเหน่งเเล้วเห็นว่าการโอนคดีดังกล่าวจะทำให้คู่ความบางฝ่ายที่ไม่สบายใจได้คลายความกังวลลงบ้าง ซึ่งคู่ความอย่าได้ตะหนกตกใจเพราะธรรมะปฏิบัติหรืออุดมคติผู้พิพากษาที่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์นั้นจะมีวัตรปฏิบัติ คือการทำงานที่ถูกต้องเป็นธรรมปราศจากอคติ 3อย่าง คือ รัก โกรธ กลัว ซึ่งมีเเนวทางมาตั้งเเต่กฎหมายพระมนูญธรรมศาสตร์จากอินเดีย ซึ่งจะถือเป็นบรรทัดฐานที่ต้องทำ ดังนั้นไม่ว่าคดีจะไปอยู่ที่ศาลใด การตัดสินจะเป็นไปโดยถูกต้องเป็นธรรมเเก่คู่ความทั้งสิ้น"
        นายศรีอัมพร กล่าวอีกว่า ข่าวที่ว่ามีการต่อรองเพื่อโอนคดีนั้นตนไม่เชื่อเเละไม่เป็นความจริงอย่างเเน่นอน ข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องเท็จ เรื่องคดีความเป็นเเบบเเผนนิติวิธีที่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถตกลงต่อรองกันได้ เเละคนระดับประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดเเละเป็นประมุขผู้ใช้อำนาจตุลาการย่อมมีความเพียบพร้อมทั้งคุณวุฒิวัยวุฒิเเละสมบูรณ์ด้วยวุฒิภาวะสูงสุดที่มีอำนาจตามกฎหมาย ก็ไม่ใช่คู่ขัดเเย้งกับคู่ความในคดีดังกล่าวที่จะต้องโอนคดีเพื่อประโยชน์ของใคร  เรื่องที่มีข่าวลือในทำนองที่อาจเกิดความเสียหายเเก่สถาบันศาลกังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง
        ส่วนเรื่องที่นายชำนาญ ชี้เเจงปมที่ถูกถอดถอนว่ามีการต่อรองนั้นไม่ขอออกความเห็นเพราะเป็นคำชี้เเจงนายชำนาญ 
        "นายศรีอัมพร" อธิบายตอนท้ายด้วยว่า หลักการปฏิบัติในเรื่องการโอนคดีนั้น เเม้คดีในศาลจังหวัดฉะเชิงเทราจะมีการพิจารณาสืบพยานคู่ความทั้งสองเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เเต่เมื่อมีการสั่งโอนคดีไปยังศาลเเขวงสมุทรปราการ องค์คณะที่รับสำนวนมาก็จะพิจารณาในสำนวนที่มีการสืบพยานคู่ความที่มีการโอนมาเเละเขียนคำพิพากษาได้เลย เเต่หากมีกรณีจำเป็นที่อาจจะต้องสืบพยานเพิ่ม ก็เป็นอำนาจของศาลแขวงสมุทรปราการที่จะใช้ดุลยพินิจดำเนินการ ตรงนี้เป็นอำนาจเเละอิสระของผู้พิพากษาที่พิจารณาสำนวน ที่ได้รับโอนมาซึ่งความเป็นอิสระของผู้พิพากษาตรงนี้ก็มีเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฯว่าอำนาจในการพิจารณาคดีเป็นอิสระของผู้พิพากษาใครก็ไม่สามารถเเทรกเเซงได้ต่อให้เป็นผู้บริหารระดับสูงในศาลก็เเทรกเเซงไม่ได้ตรงนี้ผู้พิพากษาเราไม่ยอมเราถือมากเรื่องนี้
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่ "นายชำนาญ" ได้แจ้งความกลับดำเนินคดีกับกลุ่มผู้พิพากษานั้น ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ก.ย.61 ได้แจ้งความดำเนินคณะผู้รวบรวมรายชื่อและผู้พิพากษาเผยแพร่ข้อมูลที่นำมาสู่มาการถอดถอนแล้ว 6 รายใน 3 ข้อหาฐานหมิ่นประมาท , หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 , นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 
        ประกอบด้วย นายสมชาติ ธัญญาวินิชกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา , นายเกียรติพงศ์ อมาตยกุล ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4 , นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 , นายพงษ์ศักดิ์ ตระกูลศิลป์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ , นายพัลลอง มั่นดี  ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา , น.ส.มณี สุขผล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา 
        ขณะที่นายสืบพงษ์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ถูกแจ้งดำเนินคดีเพิ่มอีก 1 ข้อหาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ