สปสช.ยกระดับ "แดนพยาบาลบางขวาง"

          กรมราชทัณฑ์ - 26 ก.ย.61-สปสช.รับรองสถานพยาบาลคุกบางขวาง มีศักยภาพในการรักษานักโทษป่วย พร้อมอุดหนุนงบฯ ด้านอธิบดีราชทัณฑ์ เผยต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตนักโทษ ลดยอดตาย-เจ็บ แต่ติดขัดด้วยปัญหาคนล้นคุก แออัดในเรือนนอน 14 ชม.ต่อวัน เผย 3 โรคคร่าชีวิต วัณโรค เอดส์ โรคหัวใจ

          กรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นพ.ศักด์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงให้บริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ
          พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในเรือนจำมีประมาณ 1,000 คนต่อปี และมีผู้ป่วยต้องส่งไปรักษาตัวโรงพยาบาลภายนอก 50,000 คนต่อปี โดยโรคที่พบมากที่สุดในเรือนจำ 3 อันดับแรก คือ วัณโรค เอดส์ และหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งราชทัณฑ์พยายามปรับปรุงแต่มีขีดจำกัดเนื่องจากจำนวนผู้ต้องขังเกินศักยภาพการรองรับถึง 3 เท่า และปัญหาสุขภาวะที่เกิดขึ้นมาจากความแออัดในเรือนจำ ภายในห้องขัง 1 ห้องจะมีผู้ต้องขังกว่า 100 คนนอนรวมกัน และใช้เวลาถึง 14 ชั่วโมงต่อวันภายในเรือนนอน ซึ่งสภาพคุกไทยต่างจากคุกในฮอลลีวู้ดโดยสิ้นเชิง เพราะมีสภาพคล้ายโรงเรือนเลี้ยงหมู หรือเข่งปลาทู แต่กรมราชทัณฑ์มีความพยายามที่จะผลักดันให้นักโทษได้รับการดูแลตรมหลักสิทธิมนุษยชน เจ็บป่วยต้องได้รับการรักษา อย่างน้อยต้องมีตารางการรักษาให้ญาติได้รับทราบว่าผู้ต้องขังไม่ได้ถูกทอดทิ้ง

         

           นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า คณะกรรมการตรวจประเมินเพื่อข้ึนทะเบียนหน่วยบริการ จากสํานักงานหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ เขต4 สระบุรี ได้ตรวจประเมินศักยภาพและตามหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการประเภท ปฐมภูมิ ประจําและรับส่งต่อท่ัวไป ซึ่งมีศักยภาพในการจัดบริการสาธารณสุข และอนุกรรมการหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) เขต 4 สระบุรี ได้อนุมัติให้หน่วยบริการเรือนจํากลางบางขวางข้ึนทะเบียนเป็นหน่วยบริการประจํา ปฐมภูมิ และหน่วยรับส่งต่อ ประจําปี 2562 (1 ต.ค. 2561)
           โดยให้บริการสาธารณสุขแก่ผู้ต้องขังได้ครอบคลุมขอบเขตของบริการสาธารณสุขด้านสร้าง เสริมสุขภาพและการป้องกันโรค การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาภาวะเสี่ยงด้านสุขภาพ สร้างเสริมการปรับเปลี่ยน พฤติกรรม การให้คําปรึกษาแนะนําการควบคุมป้องกันโรค ฯลฯ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ท้ังน้ี การร่วมมือในการให้บริการสาธารณสุข ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดังกล่าว เพื่อความร่วมมือกัน ในการบริหารจัดการระบบบริการสาธารณสุขให้ผู้ต้องขังสามารถ เข้าถึงบริการสาธารณสุขได้มากขึ้น
         เลขาธิการสปสช. กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันมีจํานวนผู้ต้องขังอยู่ประมาณ 6,020 คน และผู้ต้องขังสามารถเลือกลงทะเบียนกับหน่วยบริการเรือนจํากลางบางขวางได้จะส่งผลให้ผู้ต้องขังในเรือนจํามีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ถูกริดรอนสิทธิมนุษยชนได้รับบริการสุขภาพท่ีมีประสิทธิภาพสะดวกต่อการรับและให้บริการ ตลอดจนลดภาระ ของเจ้าหน้าที่ควบคุม ขณะเดียวกันสถานพยาบาลในเรือนจําเมื่อข้ึนทะเบียนเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิประจํา และหน่วยรับส่งต่อ จะได้รับงบประมาณเหมาจ่ายรายหัว และงบจ่ายตามผลงาน เป็นการหนุนเสริมให้หน่วยบริการ สามารถจัดบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
       “เป้าหมายของรัฐบาลคือต้องหยุดการแพร่ระบาดควบคุมวัณโรคในเรื่องจำทั่วประเทศให้ได้ เนื่องจากเรือนจำเป็นที่รวมของคนจำนวนมาก นักโทษบางรายป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และเป็นพาหนะของวัณโรค สปสช.จึงต้องเข้ามาควบคุม โดยกำหนดให้นักโทษทุกคนต้องสุ่มตรวจเสมหะ รายที่พบเชื้อต้องรับยาต่อเนื่องตามคอร์สในการรักษา 3-6 เดือน เมื่อหายขาดยังต้องตรวจซ้ำเป็นประจำ โดยหลังจากยกระดับเรือนจำบางขวางแล้วจะพยายามขยายไปถึงเรือนจำอื่นๆ ที่มีความพร้อม ทั้งนี้ เพื่อทำให้สากลรับรู้ว่าไทยดูแลดผู้จ้องขังตามมาตรฐานสิทธื์มนุษยชน” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว
        ด้านนพ.ดิเรก ดีศิริ รอง ผอ.โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เปิดเผยว่า เดิมหน่วยบริการในเรือนจำอยู่คู่กับเรือนจำบางขวางมาตั้งแต่การก่อสร้างเรือนจำ ที่ผ่านมาเป็นการรับการอุดหนุนงบประมาณจากโรงพยาบาลพระนั่งเกล้ามาเป็นค่าตรวจรักษาผู้ต้องขัง แต่ปัจจุบัน สปสช. เขต 4 ได้อนุมัติให้หน่วยบริการในเรือนจำบางขวางขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการประจำปฐมภูมิ สามารถให้บริการทั้งด้านสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วยและตรวจรักษา ในกรณีผู้ป่วยหนักต้องได้รับการรักษาเฉพาเทางหรือต้องผ่าตัดยต้องส่งต่อไปให้รพ.พระนั่งเกล้า ทันฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลเฉพาะทางอื่นๆ ซึ่งสถานบริการในเรือนจำบางขวางจะเป็นแห่งแรกที่ได้รับรองจากสปสช.