"บิ๊กตู่"แจงใช้กฎอัยการศึกชายแดนใต้ให้จนท.ทำงานได้

 

           25 กันยายน 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงแถลงการณ์ของสหพันธ์นิสิต นักศึกษา นักเรียนและเยาวชนปาตานี(เปอร์มัส) 

 

 

           ที่ได้ออกเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ลดเงื่อนไขความหวาดระแวงต่อการปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งต้องให้พ่อแม่รับผิดชอบต่อลูกหลานที่กระทำความผิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้พูดไปหลายครั้งแล้วในพื้นที่ใดก็ตามแม้ในประเทศไทยหรือทุกประเทศในโลกมีการใช้กฎหมายพิเศษกันทั้งนั้น กฎหมายด้านความมั่นคงเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้ อำนาจนี้ใช้เมื่อมีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหรือสถานการณ์ที่ไม่มีความปลอดภัยต้องมีมาตรการรองรับให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องหรือเกินกว่าเหตุหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ไปว่ากัน มีกฎหมายหลายตัวอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ต้องถูกลงโทษ 

 

           "พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก เป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดการรักษาความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ในภาพรวม ซึ่งในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ก็มีไม่กี่พื้นที่ ไม่ใช่ทั้ง 3 จังหวัด ตราบใดก็ตามเมื่อมีคนจ้องทำไม่ดี ทำความผิดอยู่จึงต้องมีมาตรการให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ เพราะกฎหมายปกติอาจใช้ไม่ได้ในบางสถานการณ์ เจ้าหน้าที่จะเลือกใช้ปฏิบัติเอง อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาดำเนินการด้วยความระมัดระวัง" นายกฯ กล่าว

                                     

           พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า กรณีกลุ่มเยาวชนและนิสิตนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวนั้น เท่าที่เห็นข่าววันนี้ประชาชนในภาคใต้ก็ออกมาแสดงความเห็นเหมือนกันเพราะเป็นประชาชนในพื้นที่ ส่วนหนึ่งเขาต้องการความสงบเรียบร้อยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่หากเราเปิดทุกช่องทาง เปิดโอกาสมากก็ทำให้การแก้ปัญหาภาคใต้เป็นไปได้ยาก ตนไม่อยากให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายก็ต้องฟังคนในพื้นที่ด้วย ไม่ใช่ฟังแต่นิสิตนักศึกษาอย่างเดียว ดังนั้น คนในพื้นที่ต้องออกมาช่วยทำความเข้าใจในเรื่องดัวกล่าว แต่อย่าขัดแย้งและใช้ความรุนแรง

                                     

           นายกฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มาเลเซียเปลี่ยนตัวผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้เป็นคนใหม่เนื่องจากมีรัฐบาลใหม่นั้นฝ่ายไทยกำลังพิจาณาในเรื่องนี้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะเหมาะสม ปัจจุบันรัฐบาลมาเลเซียก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มีการหารือมาร่วมกันมาโดยตลอด และนายกฯมาเลเซียคนใหม่มีความเห็นว่าจะดำเนินการให้เห็นผลสัมฤทธิ์ในการอำนวยความสะดวกแก่เราให้มากที่สุด ซึ่งปลายเดือนต.ค.ตนมีโอกาสพบหารือกับนายกฯมาเลเซีย เราก็ดำเนินการพูดคุยสันติสุขอย่างต่อเนื่องต่อไป